2 ตำรวจไซเบอร์ ร้อง อสส.สอบสวนคดี 140 ล้าน ขอเรียกพยาน-ผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ อ่อนตา รอง ผบก.สอท.2 และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สว.กก.วิเคราะห์ บก.สอท.2 ร้องขอความเป็นธรรมกับ อัยการสุงสุด ขอให้อัยการที่กำกับการสอบสวน สอบคดีใหม่ทั้งหมด และสอบพยานเพื่อให้ความเป็นธรรมกับ ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและไม่เกี่ยวข้องกับเหตุที่จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ตนและผู้ใต้บังคับบัญชา ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท ซึ่งภายหลังตนได้มีการให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนที่ตร.แต่งตั้งขึ้น รวมทั้งได้ เคยร้องขอความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้มาแล้ว เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นยืนยันให้พนักงานอัยการเข้ากำกับการสอบสวน เพราะเห็นว่า คดีนี้มีการประวิงเวลา ในการให้พนักงานอัยการเข้ามากำกับการสอบสวน จึงต้องร้องขอต่ออัยการ สุดท้ายทีมนายตำรวจใหญ่คนดัง ต้องยอมรับคำสั่งของพนักงานอัยการ ภายหลังจากอัยการสูงสุด มีคำสั่งให้อัยการเข้ากำกับการสอบสวน หลังจากยืดเยื้อมานานหลายเดือน
โดยประเด็นที่ร้องครั้งที่ 2 นี้ ขอให้ทำการสอบสวนคดีใหม่ทั้งหมด เพราะเห็นว่าเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทำให้การสอบสวนที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีพนักงานอัยการกำกับ เนื่องจากเป็นคดี ระหว่างเจ้าพนักงานรัฐ กับผู้ต้องหา ถือเป็นคู่ขัดแย้งกันทางคดีโดยตรง โดยประเด็นใหญ่ๆที่ ร้องขอให้สอบคือ ให้สอบ ตร. สน.คันนายาว เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นท้องที่เกิดเหตุ ที่ผู้ต้องหาคือนายเป้ถูกค้นบ้าน และขอให้สอบพยานใหม่ที่สำคัญทั้งหมด รวมถึงทนายความที่มีชื่อ แสดงตนเป็นที่ปรึกษากฎหมายและอยู่ด้วยกับนายเป้ผู้ต้องหา ที่บ้านพักในวันเกิดเหตุที่ตรวจค้น และดูแล จนส่งตัวผู้ต้องหาเรียบร้อย เหตุการณ์เป็นปกติ โดยไม่โต้แย้งใดๆ แต่ผ่านไป เกือบเดือน ผู้ต้องหาถึงค่อยมาแจ้งความ เป็นเรื่องมีพิรุธน่าสงสัย และผู้ต้องหา แจ้งความแค่ 3 วัน ก็มีการตีข่าวให้มีกระแสรุนแรง และ สอบสวนดำเนินคดีกับ ตร. ที่ปฏิบัติงานทันที ทั้งที่ผิดหลักการสอบสวน เพราะนายเป้ ถือเป็นคู่ขัดแย้งทางคดี โดยตรงกับ ตร. ที่ตรวจค้น จับกุม
ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด ตร. ถึงเชื่อถือคำพูดของคนร้าย และดำเนินคดีกับ ตร. ด้วยกันเอง อย่างรวดเร็ว ฉับพลัน กับ ตร. ที่ปฏิบัติงาน ตรวจค้นบ้านนายเป้ ซึ่งเป็นคนร้าย แต่สุดท้าย คนร้ายได้รับการคุ้มครองเต็มที่ แต่ ตร. ที่ทำตามหน้าที่ ตามกฎหมายเพราะตนแต่ถูกขอให้ มาช่วยเก็บหลักฐาน ในท้องที่ตรวจค้นเท่านั้น เสร็จงานก็แยกย้าย แต่ทำไม ไม่สอบสวนให้กระจ่าง ไม่แยกแยะ คล้ายเหมาเข่ง สอบสวนแจ้งข้อหา ก็สับสน ปนเป ไม่ชัดเจน มุ่งดำเนินคดีอย่างเดียว กับลงข่าวจนดูเหมือนพวกตนเป็นผู้ร้ายรายวัน พวกตนยัง สงสัย ว่านายเป้ เป็นใคร เกี่ยวข้องกับใคร หรือมีการวางแผน ปั้นพยานหรือไม่ เพราะ ตร. ที่ดำเนินคดีกับ นายเป้ฯ ถึงต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งที่ตนเอง ก็เป็น ตร. เกิดอะไรกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนต้องเสียขวัญกำลังใจ ต้องมาขอความเป็นธรรมกับพนักงานอัยการ เชื่อมั่นว่า อัยการจะสอบสวนให้ความเป็นธรรมได้ แทนที่ผู้บังคับบัญชา ตร. ซึ่งควรจะเป็นผู้ปกป้อง ตร. ที่ปฏิบัติงานโดยถูกต้อง
ที่ผ่านมาตนทำงานปราบอาชญากรรมที่ บช.สอท. มีทั้งนายทุนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ไม่พอใจการทำการในการจับกุมคนร้าย ใหญ่ๆ หลายคดี ทำให้ถูกมองเป็นเป้าหมาย ครั้งนี้ ที่ต้องต่อสู้ร้องขอความเป็นธรรม เพื่อมิให้คนที่ถูกกระทำเช่นพวกตน เสียขวัญ กำลังใจในการทำงาน แม้พวกตนจะโดนสารพัด ทั้งกดดันและบีบคั้น รู้สึกเหมือนโจร กลับกลายเป็นพระเอก แต่คนตั้งใจทำงาน กลับได้รับความเจ็บช้ำต่อไป ใครจะกล้า ทำงาน จึงต้องสู้เต็มที่ และแม้ ตนเองจะเจอแบบนี้ แต่พวกตนก็ตั้งใจที่จะทำงานต่อไปให้ดีที่สุด รอง ผบก.สอท 2 กล่าว
วันเดียวกัน ที่สำนักงานการสอบสวน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางไปพบนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานคดีกล่าวหาอดีตผบก.ชลบุรี กับพวกรีดเงินผู้ต้องหาพนันออนไลน์ เพื่อให้การประกอบพยานหลักฐานที่นายอัจฉริยะมอบไว้ก่อนนี้
นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า ได้เรียกนายอัจฉริยะมาให้การ เพื่ออธิบายที่มาของพยานหลักฐาน ความน่าเชื่อถือ แหล่งที่มาของพยานที่นายอัจฉริยะนำมามอบให้ พร้อมให้ยืนยันรับรองพยานหลักฐานเหล่านี้ เพราะอัยการยังมีความสงสัยในพยานหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายคลิปวิดีโอต่างๆ เสร็จแล้วรวบรวมเข้าในสำนวนการสอบสวน แล้วจะประชุมคณะทำงาน เพื่อพิจารณาพยานเหล่านี้ว่ารับฟังเป็นพยานหลักฐานข้อเท็จจริงในสำนวนได้หรือไม่ โดยในวันที่ 7 ก.ย.นี้จะเรียกผู้กล่าวหา 2 คนมาสอบสวน ต่อไป.