รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอังคารที่ 5 กันยายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ ดราม่าลิขสิทธิ์ “ปังชา” ไร้เจตนา…หรือ เปิดช่องให้มิจฉาชีพ
จากกรณีเจ้าของสิทธิบัตรของหวานบนภาชนะสีทองสวยหรูที่ชื่อ “ปังชา” มอบหมายให้สำนักงานทนายความของตนส่งหนังสือไปยังผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่เป็นคนไทยด้วยกันเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ “ปังชา” ซึ่งบริษัทที่มีชื่อว่า “ลูกไก่ทอง” เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิบัตรที่ได้รับการคุ้มครองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์
โดยเจ้าของร้านที่ใช้ชื่อว่า “ปังชา” ถูกเรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท ร้านริมถนนที่มีคำว่า “ปังชา” อยู่บนป้ายไฟหน้าร้านถูกเรียกค่าเสียหาย 7 แสนบาท และร้านที่ใช้ถ้วยขนมที่เป็นโลหะ 3 ขา เสิร์ฟน้ำแข็งใสราดชาไทยถูกเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ทั้งที่ถ้วยขนมดังกล่าวเป็นคนละสีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุนี้เมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล กระแสสังคมจึงกระหน่ำเข้าใส่ “ปังชา” ของลูกไก่ทองที่มีโลโก้เป็นรูปหญิงไทยเกล้าผมมีผ้าคาดอกนั่งพับเพียบเหยียดแขนตักขนมที่เจ้าตัวยืนยันว่าคิดค้นด้วยภูมิปัญญาของตนเอง
โดนด่าอย่างรุนแรง จนสตรีผู้มีนามว่าคุณแก้มหรือกาญจนา ทัตติยกุล ซึ่งเป็นศรีสะใภ้ของร้านไก่ทองออริจินัลต้องกลับลำถอดเข็มน้ำเกลือออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาปรากฏตัวในรายการทีวีดัง พร้อมกับร่ำไห้เอ่ยปากขอโทษน้อง ๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยยืนยันทั้งน้ำตาว่า
ไม่มีเจตนาจะทำร้ายใครทั้งที่คู่กรณีบางรายเตรียมหย่ากับภรรยาเพื่อไม่ให้ต้องมาร่วมรับเคราะห์จากการถูกฟ้องร้องในวงเงิน 2 ล้าน โดยในช่วงหนึ่งของการปรากฏตัว เธอกล่าวอย่างหนักแน่นว่าไม่คิดจะหาเงินจากการฟ้องร้องผู้ที่ถูกยื่นโนติ๊สอย่างที่สังคมเข้าใจ
แต่การระบุตัวเลขจำนวนเงินในเอกสารเป็นความผิดพลาดที่เทียบเคียงจากต่างประเทศและเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากความบ้าเรื่องลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรจากภูมิปัญญาที่ย้อนกลับมาทำร้ายตนเองอย่างเจ็บปวดในวันนี้
แม้เรื่องราวดราม่า “ปังชา” ของลูกไก่ทองดูเหมือนว่าจะจบลงต่อหน้าผู้ชมนับล้าน ๆ ทั่วประเทศผ่านทุกช่องทางทุกแพลตฟอร์ม แต่สิ่งที่ยังค้างคาใจผู้คนจำนวนมากที่ยังคงกังขาว่า หากเรื่องนี้ไม่ถูกตีแผ่ผ่านสื่อจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ประกอบการรายเล็กทั้ง 3 ราย โดยเฉพาะเจ้าของร้านชาปังที่เชียงรายฝากคำถามผ่าน TV ทุกช่องว่า
“หากไม่มีการเสนอข่าวเรื่องนี้และผมยอมจ่ายเงินสัก 5 หมื่น ทางเจ้าของสิทธิบัตรจะยอมจบเรื่องไหม ?”
แม้จะคำถามดังกล่าวจะเงียบหายไปกับสายลมในท้ายที่สุด แต่ก็ยังมีหลายคนหวนคิดถึงเรื่องราวที่คล้ายคลึงกัน ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน กรณีมีผู้ที่อ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ “ตัวการ์ตูนชื่อดัง”
ตระเวนเรียกค่าเสียหายผู้ที่ทำรูปการ์ตูนดังกล่าวแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีก่อนที่เรื่องจะแดงกลายเป็นการ “ตบทรัพย์” เมื่อเหยื่อรายหนึ่งเป็นเด็กนักเรียนหญิงถูกหลอกให้ทำกระทงรูปตัวการ์ตูนจำนวนมาก
แต่เมื่อนำของไปส่งก็ถูกผู้ที่อ้างเป็นตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์เรียกเงินกลายเป็นกระแสดราม่าจนมีการขุดคุ้ยข้อเท็จจริง ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขั้นเป็นวิธีการหากินของผู้ที่มีพฤติกรรมมิจฉาชีพ เด็กนักเรียนหญิงจึงรอดพ้นจากเคราะห์กรรมดังกล่าว
และผู้ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ถูกดำเนินคดี ในข้อหากรรโชกทรัพย์เสียเองแบบกรรมตามสนอง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ผู้คนยังคงติดใจในประเด็นที่ว่าหากเรื่องไม่เป็นข่าวขึ้นมา กรณีการจดสิทธิบัตรโลโก้ “ปังชา” จะสุ่มเสี่ยงว่าอาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปแอบอ้าง แล้วตระเวนหาร้านหรือผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีคำว่า “ปังชา” แล้วตบทรัพย์หาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง และพวกพ้องหรือไม่
โชคดีที่ “ฟ้ามีตา” จึงเกิดกรณีเรียกค่าเสียหายจากผู้ประกอบการ 3 ราย รวมกันเป็นเงิน 3 ล้าน 9 แสน จนกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ให้สังคมตื่นรู้เสียก่อน เส้นทางของลิขสิทธิ์ “ปังชา” จึงยุติลงแค่นั้นพร้อมกับเสียงร่ำไห้ของผู้เป็นเจ้าของ เหลือเพียงว่า ฝ่ายผู้ยื่นโนติสให้ผู้อื่นชดใช้เงินทั้งที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ในการทำเช่นนั้น จะถูกย้อนศรเอาคืนว่า เป็นพฤติกรรมข่มขู่ กรรโชกทรัพย์หรือไม่ ?
---------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1