แม่ร้องกองปราบช่วยเร่งรัดคดี ลูกชายวัย 18 ถูกโจ๋สายไหมยิงแขนขาด ผ่านมาสองเดือนคดีไม่คืบ คนร้ายยังวนเวียนแถวบ้าน ซ้ำเพื่อนมือปืนยังแขวะในเฟซฯว่าน่าจะยิงหัวให้ตาย
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.30 น. "จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่" พา นายเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้เสียหายพร้อมด้วยพ่อแม่และพี่สาวเข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ สุขศรีไพศาล สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อช่วยเร่งรัดคดีที่ นายเอ ถูกวัยรุ่นสายไหมยิงจนแขนขวาขาด หลังผ่านไปสองเดือนคดีไม่มีความคืบหน้า มือปืนยังวนเวียนอยู่แถวบ้าน เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
น.ส.ถิรดา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปีพี่สาว กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายเอ น้องชายกับเพื่อนรวม 4 คน ได้ไปนั่งดื่มกินที่ร้านเหล้าละแวกตลาดสายไหม เมื่อร้านเลิกก็ได้ขับรถเก๋งกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีคนร้ายเป็นวัยรุ่นชายสองรายขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบที่บริเวณแยกไฟแดงใกล้ตลาดวงศกร ก่อนจะถามว่า "ตอนอยู่ในร้านมึงด่าใคร" น้องชายซึ่งเป็นคนขับจึงตอบกลับไปว่า "ผมไม่ได้ด่าใครเลย และไม่รู้จักพี่ด้วย" จากนั้นคนซ้อนท้ายทราบชื่อภายหลังนายเนย ได้ชักอาวุธปืนขนาด .38 มม.ยิงใส่บริเวณคนขับจำนวน 8 นัด กระสุนถูกขาขวาและแขนขวาน้องชาย ก่อนคนร้ายจะขี่รถหลบหนีไป จากนั้นเพื่อนๆ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้พาน้องชายไปรักษาที่ รพ.สายไหม ก่อนส่งรักษาต่อที่ รพ.ภูมิพล ซึ่งหมอก็ได้ตัดแขนขวาน้อง เพราะเส้นเลือดใหญ่มีลิ่มเลือดอุดตัน
"หลังเกิดเหตุครอบครัวพยายามไปติดตามคดีที่ สน.สายไหม แต่คดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ตำรวจจับได้เพียงคนขี่ จยย. ส่วนคนยิงทางตำรวจอ้างว่ากำลังตามให้อยู่ อยากถามว่าตามอย่างไร คนยิงน้องชายยังวนเวียนแถวบ้าน นอกจากนี้ยังถูกเพื่อนมือปืนมาเม้นต์เฟซบุ๊กแขวะว่าปากดีอย่างนี้น่าจะยิงให้โดนหัวตายๆ ไป" น.ส.ถิรดา กล่าว
ด้าน นางนิลนิกา (สงวนนามสกุล ) อายุ 45 ปี แม่ของนายเอ กล่าวว่า ลูกชายถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานเป็นช่างไฟฟ้าและเรียน กศน.ไปด้วย เมื่อรู้ข่าวว่าลูกชายจะถูกตัดแขน ตอนนั้นช็อคมาก สงสารลูก อยากถามมือปืนว่ามายิงลูกฉันทำไม ยิงจนเขาพิการอย่างนี้ หลังเสียเเขนไป ลูกชายเครียดมากเฝ้าแต่บ่นน้อยใจว่า ทำไมตนเองต้องมาเป็นแบบนี้ ทั้งนี้ทางตำรวจท้องที่ไม่ค่อยกระตือรือร้น จึงตัดสินใจมาร้องกองปราบให้ช่วยเร่งรัดคดีจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วด้วย
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ พร้อมสอบปากคำผู้ร้องและพยานหลักฐานที่นำมามอบให้ ก่อนเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป