ตำรวจสืบสวนนครบาล จับชายวัย 46 ปี เปิดเพจหลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์ มีผู้ตกเป็นเหยื่อ ทั้งพุทธศาสนิกชนและพระสงฆ์ เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (21 ก.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หัวหน้าชุด PCT 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ร่วมจับกุม นายวรากร คงอุทิศ อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 264/2566 ลงวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2566 ข้อหาฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณตลาดโต้รุ่ง ใกล้แยกพังโคน ถ.นิตโย ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร
โดยการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนพบความเดือดร้อนของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่ถูกคนร้ายใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “หจก.เพชรเจริญสังฆภัณฑ์ ปลีกส่ง” “เพชรเจริญสังฆภัณฑ์” และ “หจก.เพชรเจริญสังฆภัณฑ์” โพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทุกชนิด ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักสามหมื่น เมื่อได้เงินโอนจ่ายจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์วัดต่างๆ ทั่วประเทศ และพุทธศาสนิกชน ก็จะนิ่งเงียบและบล็อกการติดต่อ สร้างความเดือดร้อนให้กับพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยจากการตรวจสอบข้อมูลในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า นายวรากร มีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 5 หมายจับ ในข้อหาฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในท้องที่ สภ.วังน้ำคู้ จ.พิษณุโลก ท้องที่ สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ท้องที่ สน.ภาษีเจริญ กทม. ท้องที่ สภ.ละแม จ.ชุมพร และท้องที่ สภ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ช่วงเด็กและวัยรุ่น ตนบวชเรียนถึง 11 พรรษา และศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง เมื่อศึกษาจนจบชั้นปริญญาตรี ได้สึกและออกมาประกอบอาชีพสำนักพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือพระแห่งหนึ่งประมาณ 1 ปี จากนั้นย้ายมาทำงานที่สื่อมวลชนช่องหนึ่ง ทำหน้าที่ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์เขียนสคริปต์ข่าว ก่อนจะเลื่อนเป็นโปรดิวเซอร์ข่าวเกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ประมาณ 3 ปี จนช่วงปี 2561 ได้ลาออกมาเปิดร้านสังฆภัณฑ์ ชื่อร้าน ห้างหุ่นส่วนจำกัดเพชรเจริญสังฆภัณฑ์ มีสถานที่ตั้งร้านอยู่พื้นที่หนองแขม กทม.ขายทั้งหน้าร้านและผ่านโซเชียล สั่งจริง ส่งจริง จนเมื่อช่วงปี 2563 เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซ้ำยังมาประสบปัญหาช่วงสถานการณ์โควิด ทำให้เริ่มโกงไม่ส่งสินค้าแก่ลูกค้า ทั้งพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนที่สั่ง เมื่อรู้ว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากดำเนินคดี ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยหลบมาเช่าบ้านพัก และทำธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์มือสองร่วมกับเพื่อน และยังคงโพสต์หลอกขายเครื่องสังฆภัณฑ์อยู่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ชื่อเพจเฟซบุ๊กชื่อบัญชี เพชรเจริญสังฆภัณฑ์ ในการก่อเหตุ
โดยที่ผ่านมา เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2562 มูลค่าความเสียหายต่อราย หลักร้อยจนถึงหลัก 30,000 บาท มีลูกค้าหลงเชื่อสัปดาห์ละ 3-4 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10,000,000 ล้านบาท เงินที่ได้มานำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่าห้องพักเพื่อหลบซ่อนตัว เล่นพนันออนไลน์ และลักลอบตระเวนเล่นไฮโลในพื้นที่ใกล้เคียง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งเขาหลวง ภ.จว.ร้อยเอ็ด และได้ประสานแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.และ สภ.อื่นๆ ซึ่งมีผู้เสียหายเดินทางเข้าร้องทุกข์และพนักงานสอบสวนรวมรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่ออายัดตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดี
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว่า ฝากแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน พุทธศาสนิกชน ตลอดจนท่านพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ว่า ในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ทุกท่านได้โปรดใช้สติ แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร.