ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ “สุนทรฟู่” อดีตครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติ พลิกผันเป็นมิจฉาชีพ หลังติดการพนัน หารายได้โดยหลอกเหยื่อจองที่พัก อาศัยโปรไฟล์ในอดีตสร้างความน่าเชื่อถือ
วันนี้ (14 ก.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะ หน. PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.2 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังจับกุม นายวิวัฒน์ หรือ ครูฟู่ หรือ สุนทรฟู่ อายุ 36 ปี หลังตระเวนก่อเหตุหลอกลวงผู้อื่นจนถูกแจ้งความดำเนินคดี โดยถูกออกหมายจับกว่า 4 หมาย ข้อหาฉ้อโกง-ร่วมกันประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ผู้ต้องหาอดีตเป็นครูสอนภาษาไทยโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม. จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และในการรับราชการได้รับรางวัลครูภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2560 ซึ่งความเก่งนั้นเหลือล้น จนได้รับสมยานามว่า สุนทรฟู่ แต่ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เส้นทางชีวิตที่กำลังโลดแล่นของครูฟู่พลิกผันจากครูหนุ่มอนาคตไกล เริ่มดำดิ่งสู่การเป็นมิจฉาชีพเนื่องจากติดการพนัน และนำเงินไปเปย์ให้กับแฟนหนุ่มที่เป็น LGBTQ+ กระทั่งปี 2563 ครูฟู่ถูกไล่ออกจากการเป็นข้าราชการครู
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า หลังจากพ้นจากหน้าที่แล้วเดินสายหลอกลวง โดยจะหลอกลวงลักษณะกิจกรรมในแวดวงครูเป็นหลัก เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือหลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่นสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า วันที่ 3-5 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่ จ.น่าน หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาคพากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน ครูฟู่เห็นช่องทางดังกล่าวจึงหลอกลวงครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน โดยอ้างว่าตนเองมีที่พักให้เช่าเพื่อให้นักเรียนมาร่วมกิจกรรม ครูฟู่อ้างโปรไฟล์ในอดีตว่าเป็นครูดีเด่นและมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อ ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นการตัดโอกาสเหล่าเด็กๆ ที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย โดยตั้งแต่ครูฟู่ออกจากราชการจนถึงปัจจุบันตระเวนก่อเหตุลักษณะนี้มาโดยตลอด
โดยปัจจุบันมีผู้ตกเป็นเหยื่อของครูฟู่ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 100 ราย และล่าสุด ยังเดินสายหลอกนวดสยิว แนว LGBTQ+ โดยครูฟู่เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ ใช้ชีวิตหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างไร้เงามาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์ และไม่มีท่าทีจะหยุดหลอกลวง กลายเป็นมิจฉาชีพอย่างเต็มตัวในปัจจุบัน และถือเป็นภัยสังคมต่อประชาชน ต่อคุณครู ต่อเด็กๆ กระทั่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมพบแผนประทุษกรรมสุดแสบของครูฟู่รายนี้ซึ่งตระเวนก่อเหตุมาจนถูกออกหมายจับและจับกุมดังกล่าว
ซึ่งการจับกุมได้ส่งมือดีแฝงตัวเข้าสู่วงการนวดของ LGBTQ+ เป็นเวลากว่า 1 เดือน จนได้เบาะแสว่าปัจจุบันครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ซอยวัชรพล เขตรามอินทรา กทม.ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้ง หรือบางวันไม่ออกมาสู่โลกภายนอกเลย และมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ (ปั่นสลอต) ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ ตระเวนหลอกลวงชาวบ้านอยู่เช่นเดิม กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และสืบนครบาลเข้าจับกุมตัวครูฟู่ได้ โดยจับกุมขณะที่กำลังจะย้ายถิ่นที่พักกับแฟนหนุ่ม LGBTQ+สัญชาติลาว ได้ที่ห้องพักในแขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และเปิดเผยถึงความพลิกผันของชีวิตเพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยให้การว่า จบชั้นปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากเรียนจบก็ไปเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนชื่อดัง กระทั่งปี 2555 สอบบรรจุครูได้ด้วยความสามารถ จึงเป็นตำแหน่งหน้าห้องของ ผอ.โรงเรียน กระทั่งมีเรื่องของวงโยธวาธิตที่มีการขอยืมเงินทำให้มีเรื่องราวทำให้ขอย้ายไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น ถือเป็นยุครุ่งเรืองที่สุด เพราะได้รับโอกาสได้เข้าไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง และมีโอกาสแต่งบทอาศิรวาท จนกระทั่งได้รับรางวัลครูดีเด่นประจำปี และได้สมยานามว่า สุนทรฟู่
กระทั่งปี 2563 โรงเรียนเปลี่ยน ผอ. และครูฟู่ไม่ลงรอยกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ โดยทำงานหนักหลายหน้าที่จนป่วย กระทั่งมาทำงานไม่ไหวจากการป่วย ทำให้ตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนอีก จนถูกตั้งกรรมการสอบ ช่วงนั้นชีวิตตนเองเริ่มเป๋แล้ว โดยรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่มซึ่งเจอกันจากที่จ้างมานวด LGBTQ+ แล้วปิ๊งกัน และช่วงนั้นก็ติดการพนันด้วย จึงทำให้ชีวิตเริ่มดำดิ่ง แรกๆ ยังมีเงินเก็บที่ยังเหลือก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ พอผ่านไปสักพักหนึ่งเงินเริ่มหมดก็เริ่มโทร.ไปขอยืมเงินจากนักเรียนและครูที่เคยรู้จัก โดยเหล่านักเรียนนั้นกตัญญูรักครูมากให้มาทีละ 1,000 2,000 บางคนให้ถึง 4,000 บาท ก็มี ยอมรับว่า ยืมเด็กๆ แล้วไม่ได้คืน
ส่วนเพื่อนครูนั้น ครูฟู่ไปขอยืมเงินแต่ถูกเมินและทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ทำให้เสียใจมากๆ หลังจากนั้น ก็เริ่มเดินสายหลอกลวง โดยช่วงนั้นเล่นเฟซบุ๊กแล้วเห็นมีการหาที่พัก จึงได้ไอเดียหลอกลวงด้วยการหลอกเอาเงินมัดจำที่พักจากเหยื่อ โดยลงมือทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และทำไปเยอะมาก ความเสียหายที่หลอกลวงมาแล้วหลายหมื่นบาท
ครูฟู่ ยอมรับว่า ทำไปเพราะหิว ต้องการที่อยู่ รู้ว่าผิดและสงสารเหยื่อด้วย ขอโทษทุกคน ขอโอกาสให้สังคมให้อภัย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ได้ชดใช้กรรม ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หลังจากนี้ ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่และขอใช้ความรู้ที่มีอยู่เพื่อสาธารณประโยชน์ จะให้ไปเป็นอาสาสมัครสอนที่ไหนอย่างไรจะไม่คิดเงินเลย จะมุ่งทำประโยชน์ให้กับสังคม หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำตัวส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ไม่น่าเชื่อว่า การพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนคนนึงได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจากผู้ประสาทวิชากลายเป็นมิจฉาชีพได้แบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงินปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา และแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร.