ตำรวจสืบสวนนครบาลจับ "ป๊อป บึงสามพัน" ตำนานนักโกง หลอกขายสินค้าผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก เสียหายกว่า 3 ล้านบาท
วันนี้ (22 มิ.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ร่วมกันสืบสวนจับกุม นายนพสร จินดารักษ์ หรือ ป๊อบ อายุ 31 ปี ชาวอำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 44/2566 ลงวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2566 ความผิดฐาน ฉ้อโกงและโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด ได้ที่บริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ถนนนิคมสร้างตนเอง ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ตรวจสอบในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ปัจจุบันนายนพสร จินดารักษ์ มีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 2 หมายจับ ประกอบด้วย หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 44/2566 ลงวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด และหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ จ.317/2566 ลงวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวอีกว่า ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีทำงานเป็นพนักงานโรงแรมในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จนช่วงอายุประมาณ 25 ปี ได้ย้ายมาอยู่ที่ จ.นนทบุรี โดยหันมาประกอบอาชีพขายของตามตลาดนัดย่านปากเกร็ด แต่เนื่องจากประสบปัญหาขายของขาดทุนจนเงินลงทุนหมด จึงเริ่มคิดนำโทรศัพท์มือถือที่ตนมีไปลองโพสต์ขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า "นพสร จินดารักษ์" โดยขณะนั้นมีผู้สนใจติดต่อซื้อมาหลายคนจึงทักขายให้กับทุกคนที่สนใจโดย ใช้บัญชีธนาคารส่วนตัวในการรับเงิน แต่ไม่ส่งสินค้าให้
ทั้งนี้เมื่อเห็นว่าได้เงินมากพอสมควร จึงเริ่มขายสินค้าที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก กล้องถ่ายรูป เครื่องโปรเจ็กเตอร์ ฟิล์มถ่ายรูป หนังสือนิยายหายาก เสื้อวงดนตรีต่างๆ โดยหาภาพถ่ายสินค้าต่างๆ มาจากอินเตอร์เน็ตโดยที่ตนไม่มีสินค้าจริง เพื่อมาโพสต์ขายผ่านทาง Marketplace ของ Facebook กลุ่มหนอนหนังสือ กลุ่มซื้อขายแลกเปลี่ยนหนังสือมือสอง กลุ่ม Instax Mini (Thailand) กลุ่มชมรมคนรักโปรเจคเตอร์ Xiaomi / Wanbo / XGIMI กลุ่มประมูล กล้อง เลนส์ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับกล้องและเลนส์ กลุ่มซื้อขาย เลนส์มือหมุน กลุ่มตลาดซื้อ-ขาย คนรักกล้องฟิล์ม เลนส์ มือหมุน และอุปกรณ์ กลุ่มชมรมคนรัก กล้องโพลารอยด์ กลุ่มซื้อขายกล้องฟิล์มโคราช กลุ่มเสื้อวง เสื้อยืดวินเทจ (ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนประมูล) กลุ่มตลาดกล้อง Pentax กลุ่มกล้องมือสอง และอีกกว่า 200 กลุ่ม โดยที่ผ่านมาเคยใช้บัญชีเฟซบุ๊กในการก่อเหตุ หลายชื่อบัญชี และใช้อีกหลายบัญชีธนาคารในการรองรับเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหาย ทั้งนี้ปัจจุบันนายนพสร มีชื่อติดอยู่ในแบล๊กลิสต์บัญชีคนโกง บุคคลเฝ้าระวัง บุคคลอันตรายในการหลอกซื้อขายสินค้าทางโลกออนไลน์ จำนวนมาก
ขณะเดียวกันผู้ต้องหายอมรับด้วยว่า เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2560 มีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อประมาณเดือนละ 30 ราย มูลค่าความเสียหายแต่ละรายประมาณ 500 ถึง 3,000 บาท มูลค่าความเสียหายรวมในช่วง 6 ปี ที่เริ่มก่อเหตุมากกว่า 3 ล้านบาท โดยเงินที่ได้มาส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เที่ยวเตร่ เสพยาเสพติด และเลี้ยงแม จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบประวัติเคยถูกดำเนินคดีในฐานความผิดต่างๆ รวม จำนวน 4 คดี จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย ภ.จว.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า คดีนี้ มีผู้เสียหายจำนวนมากจับเป็นกลุ่มขอความช่วยเหลือผ่านเพจเรา ถือว่าเป็นคนร้ายโคตรโกง โกงทุกอย่าง ร่วม 200 กลุ่ม สร้างความเดือดร้อน เบื่อหน่ายกับคนหากินสุจริต จึงขอแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ "สืบสวนนครบาล IDMB" ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ ผบ.ตร.