"อัจฉริยะ" ร้อง ปปป.ดำเนินคดี ม.157 กับนายตำรวจยศ "พ.ต.อ." รีดเงินเป้กับพวก 140 ล้าน เผยสัปดาห์หน้าเตรียมแฉลูกน้อง รอง ผบ.ตร.เปิดเว็บพนัน-เสพยา
วันนี้ (6 ก.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายตำรวจยศ "พ.ต.อ." ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 กรณีรีดเงินนายเป้กับพวก 140 ล้าน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นคลิปเสียงสนทนาระหว่างทีมทนายความของตนกับ นายบอย ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ เกี่ยวกับกรณีที่นายบอยเข้าไปหารือกับนายตำรวจยศ พล.ต.ต.ท่านหนึ่ง ,อดีตนักข่าว และ พ.ต.อ.คนดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.ได้ขอให้พล.ต.ต.และอดีตนักข่าวช่วยประสานนายบอยให้เข้ามาเพื่อพูดคุยเรื่องคดี 140 ล้านบาท ซึ่งนายบอยยอมรับว่าได้รับเงินไปทั้งหมด 28 ล้านบาท ส่วนนายต้นได้เงินไป 45 ล้านบาท ทั้งนี้นายบอยยืนยันว่าหลังจากนี้จะกลับประเทศไทยเพื่อเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดและจะขอต่อสู้คดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้ถอนวีซ่าจึงไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้
"ผมมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายร่วมกันระหว่างนายบอยกับ พ.ต.อ. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.ตม.หนองคาย รวมทั้งกลุ่มไลน์ที่มีนายบอยและ พ.ต.อ.อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าที่ พ.ต.อ.อ้างว่าไม่รู้จักกับนายบอยมาก่อนนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด" นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีคดีเงิน 140 ล้านบาทนั้น สืบเนื่องจากภายหลังนายเป้ถูกจับกุม ก็มีอดีตนักการเมืองให้คำแนะนำว่าให้ไปแจ้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้แนะนำให้นายเป้ไปแจ้ง สภ.คูคต จ.ปทุมธานี จนมีการสืบสวนดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเวลาต่อมา ทั้งนี้พยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดนั้นมาจากการสืบค้นของทางชมรมฯ,ข้อมูลจากตำรวจที่ถูกดำเนินคดี และสื่อมวลชน ยืนยันไม่มีใครบงการหรืออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าได้เตรียมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใต้บังคับบัญชาของ รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่งที่มีการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งการเสพยาเสพติด การเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ในพื้นที่ภาคตะวันออกอีกด้วย