"โชติวัฒน์"ปธ.ศาลฎีกา ตรวจเยี่ยมศาลในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครนายก ย้ำศาลยุติธรรมต้องพร้อมปรับเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบการทำงานให้ทันสมัย
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมศาลจังหวัดปราจีนบุรี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปราจีนบุรี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครนายก และศาลจังหวัดนครนายก
มีนายสรพงค์ ไกรสุวรรณ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปราจีนบุรี นายเอกราช สมัครไทย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปราจีนบุรี นางศิริ์กาญจน์ เที่ยงธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครนายก และนายจุฑา เที่ยงธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครนายก พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ
ซึ่งประธานศาลฎีกาได้ประชุมมอบนโยบายแก่คณะผู้พิพากษา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ประนีประนอม ตลอดจนผู้พิพากษาสมทบ พร้อมทั้งรับฟังรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามนโยบายประธานศาลฎีกา และแนวทางการปรับปรุงพัฒนาของศาล หลังจากนั้นประธานศาลฎีกาได้ทักทาย พูดคุยและรับฟังปัญหาข้อขัดข้องจากคณะผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามส่วนงานต่าง ๆ รวมถึงให้กำลังใจในการปฏิบัติงานและขอให้ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ในการประชุมมอบนโยบาย ประธานศาลฎีกากล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางตรวจเยี่ยมศาล คือ การสร้างความเข้าใจในนโยบาย “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” แก่บุคลากรของศาลยุติธรรมทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกให้บุคลากรทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกันมุ่งมั่นทำงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ บริการประชาชนอย่างดี มีประสิทธิภาพ ด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อธำรงความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของนโยบายดังกล่าว ประธานศาลฎีกากล่าวต่อไปว่า ในอดีตบรรพตุลาการมีความประพฤติที่ดีงามสร้างชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์แก่ศาลยุติธรรมเรื่อยมา อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ประชาชนมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิและเสรีภาพและพร้อมที่จะตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐ ศาลยุติธรรมต้องมีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบการทำงานให้ทันสมัยโดยถือความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นในเรื่องการบริหารจัดการคดีให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย การนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้มีอรรถคดี การไกล่เกลี่ยอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน และทำให้เห็นว่าศาลยุติธรรมเป็นองค์กรที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยอย่างแท้จริง
สำหรับศาลจังหวัดปราจีนบุรี แม้ยังมีปริมาณคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาค่อนข้างมาก แต่มีพัฒนาการในเรื่องการบริหารจัดการคดีที่มีระเบียบแบบแผนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารคดีจัดการพิเศษหรือการจัดระบบศูนย์นัดความอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอชื่นชมผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและผู้พิพากษาที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการคดีและมีการกำหนดเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนเพื่อให้คดีแล้วเสร็จตามเกณฑ์มาตรฐาน
ในส่วนศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปราจีนบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครนายกนั้น สามารถบริหารจัดการคดีให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานได้อยู่แล้ว โดยมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชน และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานยุติธรรมอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรเน้นในเรื่องการจัดทำโครงการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ ให้ประชาชนในท้องที่รู้จักและชื่นชมศาลเยาวชนและครอบครัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีโอกาสได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 เป็นตัวแทนกลุ่มศาลเข้าร่วมประกวดในโครงการจัดประกวดคัดเลือกศาลดีเด่นเพื่อประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 2 ซึ่งจะประกาศผลในเดือนกันยายนนี้
และศาลจังหวัดนครนายกมีเขตอำนาจพิจารณาทั้งคดีศาลจังหวัดและคดีศาลแขวง โดยมีคดีค้างพิจารณาอยู่พอสมควร จึงควรพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ่ายสำนวนคดีและการกำหนดวันนัดพิจารณาด้วยการจำแนกประเภทคดีศาลจังหวัดและคดีศาลแขวงให้ชัดเจน เพื่อให้การบริหารจัดการคดีเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทเพราะเป็นกลไกสำคัญที่สามารถลดปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาบนความพึงพอใจของคู่ความทุกฝ่าย ซึ่งนอกจากการไกล่เกลี่ยโดยผู้ประนีประนอมแล้ว ในระหว่างการพิจารณาผู้พิพากษาก็สามารถใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน สำหรับคดีที่จำเป็นต้องประสานกับหน่วยงานภายนอก เช่น กรมที่ดิน ศาลพึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานดังกล่าวเพื่อให้คู่ความได้รับประโยชน์จากการที่คดีแล้วเสร็จโดยเร็ว อันจะเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง ในส่วนงานด้านการบริการประชาชนนั้น ผู้อำนวยการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ศาลซึ่งเป็นด่านหน้าติดต่อกับคู่ความโดยตรง หากมีปัญหาต้องหมั่นประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไข และเน้นการให้บริการด้วยความใส่ใจ คอยให้คำแนะนำและข้อมูลแก่ประชาชนที่เดินทางมาศาลให้เข้าถึงกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการคดีอย่างมีประสิทธิภาพด้วย