MGR Online - กระทรวงยุติธรรม รับเรื่องจากสองครอบครัวผู้เสียหาย สูญเสียลูกสาววัย 17 ปี ทั้งคู่ ถูกคนเมาขับรถชนจนเสียชีวิต โดยคู่กรณีไม่มีการเยียวยา ขอให้เพิ่มโทษหนัก
จากกรณี น.ส.กัลยรัตน์ จันทรเลิศ (น้องเนส) อายุ 17 ปี และ น.ส.ชลธิชา อารีย์มิตร (น้องแนน) อายุ 17 ปี ถูก นายสุวัฒน์ ร้อยเชียงอินทร์ อายุ 41 ปี ขับรถกระบะ เมาแอลกอฮอล์ปริมาณสูงถึง 167 มิลลิกรัม ชนจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 65 บริเวณถนนทางลงต่างระดับ นอกเมือง ต.บ้านแหลม อ.เมือง จ.เพชรบุรี โดยคู่กรณีไม่มีการเยียวยา
วันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา ครอบครัวผู้เสียชีวิต น.ส.อรุณพิลาศ จันทรเลิศ อายุ 52 ปี มารดาของน้องเนส และ นายนเรศน์ อารีย์มิตร อายุ 54 ปี บิดาของน้องแนน เข้ายื่นหนังสือต่อ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยติดตามการอุทธรณ์คดีขอให้เพิ่มโทษและดำเนินการติดตามค่าเสียหายจากผู้ก่อเหตุ โดยมี นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
น.ส.อรุณพิลาศ (มารดาน้องเนส) กล่าวว่า วันเกิดเหตุลูกสาวและเพื่อนขี่รถ จยย. ไปซื้อของมาขายทางออนไลน์ แต่ช่วงขากลับได้ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ทุกวันนี้ยังทุกข์ใจและคิดถึงทุกวันเพราะมีลูกสาวแค่คนเดียว และที่สำคัญ อัตราโทษจำคุกที่ผู้ต้องหาได้รับนั้นน้อยเกินกว่าเหตุ ผู้ต้องหาถูกสั่งจำคุก 3 ปี แต่ศาลสั่งลงโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ขณะที่ลูกสาวไม่มีวันฟื้นกลับมา และคำขอโทษจากผู้ต้องหาก็ไม่มี
น.ส.อรุณพิลาศ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นผ่านมาเกือบ 1 ปี ตนและครอบครัวยังไม่ได้รับการเยียวยาความเสียหายจากคู่กรณี มีเพียงเงินช่วยเหลือในส่วนของหน่วยงานราชการ และต้องไปกู้เงินนอกระบบเพื่อมาจัดงานศพเป็นหนี้มากกว่าหลักแสนบาท เพราะทางผู้ก่อเหตุอ้างเป็นรถของนายจ้างและไม่มีประกันอุบัติเหตุ อีกทั้งหากตนต้องการเรียกร้องค่าเสียหายก็ให้ไปฟ้องศาลแทน ในช่วงแรกๆ ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมรับสารภาพ กระทั่งเข้าสู่กระบวนการ จึงจำนนต่อหลักฐานรับสารภาพ
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ตนพาทั้งสองครอบครัว เพื่อร้องขอให้กระทรวงยุติธรรม จัดหาทนายความอาสาทำหน้าที่ฟ้องอุทธรณ์และฟ้องทางแพ่งกับนายจ้าง (เจ้าของรถและเป็นนายจ้างของผู้ต้องหา) โดยวันเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมง น้องทั้งสองถูกผู้ต้องหาขับรถชน แต่นายจ้างเจ้าของรถ เดินทางไปแจ้งความว่ารถหายในเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน ตนมองว่าเป็นการเบี่ยงเบนคดีหรือไม่ ปฏิเสธความรับผิดชอบหรือไม่ หากเป็นเจ้าของรถจริง ต้องถามข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหา เอารถไปขับเพราะอะไร เป็นการยืมนายจ้าง หรือเอามาขับเอง ส่วนข้อกล่าวหาที่ผู้ต้องหาถูกแจ้ง ได้แก่ ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และความผิดฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ขณะที่ นายธีรยุทธ เผยว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกองทุนยุติธรรม ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือในการสนับสนุนจัดหาทนายความ โดยจะประสานอย่างเร่งด่วนไปทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเพชรบุรี ในการประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนยุติธรรมเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดหาทนายในการเข้าไปช่วยเหลือการดำเนินคดี ทั้งเรื่องของการฟ้องอุทธรณ์และการฟ้องทางแพ่ง กับนายจ้าง ซึ่งต้องพิจารณารายละเอียดว่านายจ้างเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ส่วนประเด็นเรื่องค่าเสียหายที่เป็นค่าตอบแทนคดีเหยื่ออาชญากรรมตามกฎหมาย ทางกระทรวงยุติธรรม ได้อนุมัติให้การช่วยเหลือไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม โดยจ่ายเงินให้ทั้ง 2 ราย รายละ 90,000 บาท เรียบร้อยแล้ว