รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพุธที่ 14 มิถุนายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ บรรลัยแน่ LGBTQ+ ขอเงินรัฐให้พวกแอบจิต เสริมฮอร์โมน แปลงเพศ!!
บรรลัยแน่ LGBTQ + ขอเงินรัฐให้พวกแอบจิต เสริมฮอร์โมน แปลงเพศ!! : ถอนหมุดข่าว 14/06/66บรรลัยแน่ LGBTQ + ขอเงินรัฐให้พวกแอบจิต เสริมฮอร์โมน แปลงเพศ!! : ถอนหมุดข่าว 14/06/66
Posted by News1 on Wednesday, June 14, 2023
แอป Sondhi App มีให้โหลดแล้วทั้ง iOS และ android ได้ที่
AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android&fbclid=IwAR0_8wTAnDmJz31oRwo7tA6q9rzVpQjuwAFhg0uzmTG-4c2c2KBFKwt-HK4
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app
ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1
เมื่อพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ฝ่ายที่เฮรับสนั่น ก็เป็นกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ เพราะพวกเขาจับโยงสวัสดิภาพและความมั่นคงของกลุ่ม เข้ากับประชาธิปไตยอย่างแนบแน่น
การแต่งเสื้อสีรุ้ง ไปร่วมเดินในงาน Pride ที่จัดขึ้นในเดือน “มิถุนา” ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ยิ่งตอกย้ำว่า กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ มีความหวังที่จะได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นกับสังคมของพวกเขา
แล้วก็ผูกโยงไปถึงบรรดา 250 ส.ว. ว่าอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับฟ้าใหม่ของ LGBTQ+ หากว่า พิธาและอุ๊งอิ๊ง โดนสกัดจุด จนไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ในงาน Pride ของชาวสีรุ้ง มีการย้ำข้อเสนอ 4 ข้อ ถึงรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย 1.สมรสเท่าเทียม 2.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศ 3.ยกเลิกปราบปรามการค้าประเวณี และ 4.รัฐสวัสดิการของคนหลากหลายทางเพศ และผู้หญิง
ในความเป็นจริง เมืองไทยเราผ่านยุค “แอบจิต” มานานมากแล้ว กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ สามารถใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย โดยได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นอย่างดี ไม่มีแบ่งเขาแบ่งเราอยู่แล้ว
เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็เพิ่งมีข่าวฮือฮา ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีบุญเรืองวิทยาคาร จ.หนองบัวลำภู อนุญาตให้ครูและนักเรียน แต่งกายมาโรงเรียนตามเพศสภาพ ได้ตามใจชอบ
ก็ได้รับเสียงสรรเสริญจากโลกโซเชียล ถึงความเป็นผู้บริหารที่เปิดกว้างของ ผู้อำนวยการโรงเรียน
จึงมีภาพของ “ครูหญิงหัวใจชาย” แต่งเครื่องแบบครู โดยสวมกางเกง แทนที่จะเป็นกระโปรง ปรากฏให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาข้อเรียกร้อง 4 ข้อเหล่านั้นของกลุ่ม LGBTQ+ ดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีข้อไหนที่จะมีปัญหา หากรัฐบาลจะตอบรับสนับสนุน
ยกเว้นก็ข้อ 4 ซึ่งมีคนส่วนไม่น้อยแสดงความไม่เห็นด้วยออกมาแล้ว เพราะมองว่าเป็นการเรียกร้องที่เกินเลยไปหน่อย ผูกพันไปถึงงบประมาณรายจ่ายก้อนโตประเทศ
โดยรัฐสวัสดิการที่ LGBTQ+ ยื่นข้อเรียกร้องนั้น มีรายละเอียดว่า รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณในการผ่าตัดแปลงเพศ ต้องสนับสนุนการ “เทคฮอร์โมน” เดือนละประมาณ 500 บาทต่อคน ยาวนานตลอดชีวิต
ขณะที่ทุกวันนี้ ตัวเลขอย่างเป็นทางการของกลุ่ม LGBTQ+ มีประมาณ 3.5 ล้านคน แต่กลุ่ม Pride เอง ประเมินว่ามีมากกว่านั้น อาจถึง 5 ล้านคน
แค่ค่าฮอร์โมนรายเดือน จึงเป็นเงินรัฐที่จะต้องจ่ายถึง 2,500 ล้านบาทต่อเดือน หรือปีละ 30,000 ล้านบาท
หากพูดกันด้วยตรรกะว่า “เอางบฯ ซื้อเรือดำน้ำ ไปทำอะไรอย่างอื่นที่มีประโยชน์จะดีกว่า”
การจะทุ่มเงินปีละ 3 หมื่นล้าน ให้ LGBTQ+ เทคฮอร์โมน ก็อาจใช้ตรรกะเดียวกันนี้ได้ เอาเงินค่าฮอร์โมน ไปทำอย่างอื่น ที่มีคนได้รับประโยชน์ถ้วนหน้า จะดีกว่าหรือไม่?
อย่างการดูแลผู้สูงอายุ ให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น ก่อนอย่างอื่น
การดูแลกลุ่ม LGBTQ+ ไม่ใช่แค่เรื่องฮอร์โมน ยังรวมไปถึงค่าผ่าตัดแปลงเพศ การตัดเต้า การเสริมเต้า อีกมากมายจิปาถะ
อะไรต่างๆ เหล่านี้ ล้วนถูกเสนอให้รัฐสวัสดิการ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทุกรายการ ล้วนแต่ต้องใช้เงินเป็นแสนในการดำเนินการ เพื่อให้ LGBTQ+ แต่ละคน ได้ชีวิตอย่างที่ต้องการ
ตรงนี้ จึงอาจเป็นประเด็นความขัดแย้งรุนแรงในสังคมได้ หากว่ารัฐบาลใหม่ เกิดบ้าจี้ อยากเอาใจฐานเสียง พยายามผลักดันงบฯ ประเทศ ไปใช้ในเรื่องเหล่านี้
LGBTQ+ อาจมีภาพลักษณ์มีความสมัยใหม่ในตัว แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ประเทศไทยก็ยังไม่ใช่ประเทศที่เจริญแล้ว คนเสียภาษีสม่ำเสมอ ก็ยังเป็นกลุ่มคนเล็กๆ ไม่ใช่ประเทศที่จะมีเงินเหลือๆ ที่จะพัฒนาทุกอย่างได้พร้อมกัน
การเรียกร้องอะไรที่มากไป ก็อาจหมายถึงการรอคอยอันยาวนาน จนกว่าปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ ของประเทศ จะหมดไปเสียก่อน และนำมาซึ่งความขัดแย้งกับคนส่วนใหญ่