“ทนายกฤษณะ” เผย “แอม ไซยาไนด์” แต่งตั้งให้เป็นทนายดูแลคดี ตั้งเงื่อนไข คือ ต้องรับสารภาพเท่านั้น ลูกความเปิดปากเครียดอยากฆ่าตัวตาย ลูกในท้องหัวใจเต้นผิดจังหวะ ด้าน “ทนายพัช” เลื่อนพบกองปราบอีกแล้ว
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความ กล่าวว่า เมื่อวานตนเข้าไปเยี่ยม นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าชิงทรัพย์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่ง นางสรารัตน์ ยังยืนยันให้ตนเป็นทนายเช่นเดิม แต่ตนได้ยื่นข้อเสนอไปว่าหากจะให้ตนเป็นทนายดูแลคดีอื่นๆ ให้อีกนั้น นางสรารัตน์ จะต้องยอมรับสารภาพในคดีของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ น้องก้อย ก่อน เบื้องต้นเจ้าตัวยังไม่ยอมรับสารภาพ ซึ่งขณะที่พูดคุยกันนั้น นางสรารัตน์ เองก็ร้องไห้ตลอดเวลา
นายกฤษณะ กล่าวว่า ตอนนี้ร่างกายของ นางสรารัตน์ ซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลดลงเกือบ 10 กิโลกรัม ความดันขึ้นสูง แต่หมอได้ให้ยาลดความดันแล้ว รวมถึงเจ้าตัวเองยังมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายตลอดเวลา ส่วนลูกในท้องมีอาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ ซึ่งตนยืนยันจะเป็นทนายเช่นเดิมแต่มีเงื่อนไข คือ ต้องรับสารภาพเท่านั้น เจ้าตัวจึงขอกลับไปคิดทบทวนอีกครั้งก่อน จากการพูดคุยยังพบว่า นางสรารัตน์ นั้น มักพูดกลับไปกลับมา หรือพยายามเบี่ยงเบนประเด็น อาจเป็นเพราะคงลืมคำพูดเดิม รวมถึงยังมีการพูดถึงเรื่องเด็กที่อยู่ในท้องว่าเป็นลูกของใคร และ บอกด้วยว่าใครคือคนที่แนะนำให้ส่งพัสดุ ซึ่งทุกถ้อยคำพูดของ นางสรารัตน จะรับฟังอย่างระมัดระวังเกรงจะเป็นการให้ร้ายผู้อื่น ที่สำคัญเขาห่วง น.ส.แก้วมากและ บอกไม่อยากให้แก้วต้องมาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแล้วนั้น นายกฤษณะ ได้โชว์เอกสารใบแต่งตั้งทนายความจาก นางสรารัตน์ หรือ แอม โดยเอกสารดังกล่าวลงวันที่ 16 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ “ทนายพัช” ระบุว่า ยังเป็นทนายอยู่
วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการเชิญตัว น.ส.ธันย์นิชา หรือ “ทนายพัช” ทนายความของ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ให้มาเข้าพบเพื่อรับทราบข้อหา ตามมาตรา 184 ว่า หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา ทาง ทนายพัช ได้มีการตอบตกลงว่าจะเดินทางมาเข้าพบตามหมายเรียกในวันที่ 31 พ.ค. ที่จะถึงนี้ ล่าสุด เจ้าตัวได้ติดต่อพนักงานสอบสวนกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาอีก แต่ก็เป็นเพียงคำพูดเท่านั้นที่จะขอเลื่อน ยังไม่ได้มีการส่งหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งทางตำรวจเองจะต้องดูเหตุผลในการขอเลื่อนว่าใช้เหตุผลอะไร แต่ทางพนักงานสอบสวนก็จะทำตามขั้นตอน หากหมายเรียกครั้งแรกไม่มา ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 แต่หากยังไม่มา หรือ ขอเลื่อนไปอีกก็จะขอหมายจับต่อศาล ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ต่อไป