รอง ผบ.ตร.เผยไม่หนักใจหาก "ทนายพัช" เตรียมฟ้องกลับ ม.157 ยืนยันทำคดี "แอม ไซยาไนด์" ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐาน
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมวางยาไซยาไนด์ กรณี น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ นางสรารัตน์ที่มีข่าวเตรียมที่จะฟ้องตำรวจ 3 นาย ในความผิด ม.157 และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ว่า เป็นสิทธิ์ของทุกคนหากจะฟ้องกลับ ยืนยันว่าไม่ได้หนักใจอะไร และออกหมายเรียกไปตามพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า ไม่รู้สึกอะไร ณ วันนี้ก็ทำตามกฎหมาย และได้ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันอังคารนี้ (30 พ.ค.) ถ้าหากครบกำหนดหมายเรียกไม่มาพบจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ ตนและพนักงานสอบสวนทั้งชุดทำงานเป็นธรรม และไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐาน
ซึ่งคดีของนางสรารัตน์ ตำรวจสำนวนสรุปไปได้ถึง 90% แล้ว เหลือเพียงเส้นทางการเงินอีก 7-8 บัญชี จาก 180 บัญชีที่ตรวจสอบทั้งหมด จะทำให้ทราบถึงที่มาของสารไซยาไนด์ และในวันศุกร์นี้ (26 พ.ค.) จะเตรียมสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการสั่งฟ้อง และตอนนี้มีการวางตัวบุคคลที่จะขึ้นเบิกความต่อศาลไว้แล้ว พร้อมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะมีการรับสารภาพ เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีผู้ถูกออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา แล้วตำรวจจะให้ประกันตัวหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชรษฐ์ เปิดเผยว่า จะต้องดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่ามีความพยายามไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ส่วนจะขอหมายขัง ตาม ป.วิอาญา 134 หรือไม่ มีหลักเกณฑ์อยู่แล้วตามกรอบของกฎหมายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเตรียมทีมทนายความไว้คอยช่วยเหลือ นายรพี ชำนาญเรือ ผู้เปิดเรื่องคดีก้อยและประสานงานผู้เสียหายคดีนางสรารัตน์ รวมถึงตำรวจ และสื่อมวลชน ในกรณีหากถูกฟ้องกลับอีกด้วย
ส่วนที่ ทนายพัช ไปพูดในรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง บอกว่า ที่ศาลยกคำร้องขอหมายจับเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ พล.ต.อ.สุรเชรษฐ์ ยืนยันกลับว่า หลักฐานเพียงพอ แต่ที่ศาลให้กลับไปออกเป็นหมายเรียก เพราะเป็นข้อหาเดียวกันกับรองอ๊อฟ จึงจะให้ความเป็นธรรมแบบเดียวกันที่ออกหมายเรียกก่อนเช่นกัน