xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอนุญาตให้ฝากขัง “ตะวัน-แบม” กับพวก 9 คน ร่วมกันทำลายทรัพย์ราชการ บนโรงพักสำราญราษฎร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขัง “ตะวัน-แบม” กับพวกรวม 9 คน ร่วมกันทำลายทรัพย์ราชการ บนโรงพักสำราญราษฎร์ ด้านทนายความกำลังยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (12 พ.ค.) พนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์ ได้นำตัว นายสิทธิชัย ปราศรัย อายุ 25 ปี นายนภสิทธิ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ อายุ 19 ปี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อายุ 21 ปี น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ อายุ 24 ปี นายธีรภัทร ระดับแก้ว อายุ 14 ปี นายจิรภาส กอรัมย์ อายุ 28 ปี นายณัฐพล เหล็กแย้ม อายุ 20 ปี นายรณกร ห้างชัยเจริญ อายุ 25 ปี และ นายศุทธวีร์ สร้อยคำ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-9 ในความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์,ร่วมกันบุกรุกโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปในอาคารสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นฯ, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 360, 365 (1)(2) มาฟังคำสั่งไต่สวนคำร้องคัดค้านการฝากขัง

หลังจากช่วงบ่ายวานนี้ (11 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 9 คน แต่ทนายความผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการฝากขัง ซึ่งศาลได้เปิดห้องไต่ส่วนทั้งสองฝ่ายเสร็จแล้ว จึงให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ไปควบคุมไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง และ นัดฟังคำสั่งในวันนี้

ศาลอาญา พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้องขอฝากขังและข้อคัดค้านของผู้ต้องหาทั้งเก้าแล้ว เห็นว่า พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้งเก้า ผู้ถูกจับมาศาล และยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งเก้าในระหว่างทำการสอบสวน โดยระบุในคำร้องว่าผู้ต้องหาทั้งเก้าถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันทําให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้ เพื่อสาธารณประโยชน์ ร่วมกันบุกรุกโดยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปในอาคารสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นหรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นเมื่อผู้มีสิทธิ์ที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออกโดยใช้กำลัง ประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันต่อสู้หรือ ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร

โดยพนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 10 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งเก้า และตามทางไต่สวนผู้ร้องได้ความเพิ่มเติมว่า พยานบุคคลดังกล่าว ได้แก่ เจ้าพนักงานตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ แพทย์ผู้ตรวจชันสูตรบาดแผล และรายงานผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุ กรณีจึงมีเหตุผลและความจำเป็นต้องมีการฝากขังผู้ต้องหาทั้งเก้าในระหว่างทำการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 ซึ่งเป็นกระบวนการก่อนการฟ้องคดีอาญาที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจของศาลในระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน และเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีตัวจำเลยมาในการพิจารณาคดีของศาล

ส่วนที่ผู้ต้องหาทั้งเก้าคัดค้านว่า ถูกควบคุมตัวในสถานที่ นอกเหนือจากสถานีตำรวจที่เกิดเหตุอันเป็นพื้นที่ห่างไกลก็ดี ขณะจับกุมถูกเจ้าพนักงานตำรวจทำร้ายร่างกายก็ดี และตรวจยึดสิ่งของไปโดยไม่ชอบก็ดี ได้ความจากผู้ร้องเบิกความว่า เหตุผลที่ต้องแยกควบคุมผู้ต้องหาทั้งเก้าออกเป็น 3 ส่วน หรือ 3 สถานีตำรวจ เป็นไปตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล เนื่องจากเกรงว่าจะมีมวลชนมาปิดล้อม และบริเวณ สน.สำราญราษฎร์ ที่เกิดเหตุมีบ้านพักราชการและบ้านเรือนประชาชนเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการชุมนุมอีก กรณีจึงเป็นเรื่องความปลอดภัยและความสงบสุขโดยรวมของประชาชน

ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้น ปรากฏว่า ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งเก้าก็ได้ใช้สิทธิตามกฎหมายโดยร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีเป็นคดีต่างหากแล้ว ในการตรวจยึดสิ่งของ เช่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการจัดทำบันทึกการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสถานีตำรวจที่นำผู้ต้องหาทั้งเก้าไปควบคุมสามารถเดินทางไปได้โดยสะดวก และแม้ผู้ต้องหาทั้งเก้าคัดค้านว่าผู้ต้องหาทั้งเก้าไม่มีพฤติการณ์หลบหนีก็ตาม แต่เมื่อกรณีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาทั้งเก้าน่าจะได้กระทำความผิดอาญาตามที่ถูกกล่าวหาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี และพนักงานสอบสวนมีความจำเป็นต้องฝากขังผู้ต้องหาทั้งเก้าด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้งเก้ามีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนอยู่แล้ว ข้อคัดค้านของผู้ต้องหาทั้งเก้าฟังไม่ขึ้น จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งเก้า โดยตามคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 นั้น มีกำหนด 12 วันตั้งแต่วันที่ 11-22 พ.ค.นี้

ด้าน นายกฤษฏางค์ นุตจรัส ทนายความผู้ต้องหา กล่าวว่า ศาลอนุญาตให้ฝากขังมีกำหนด 12 วัน และให้ยกคำร้องคัดค้านฝากขัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ประกันตัวเพื่อจะขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ปรากฏว่า มีผู้ปกครองและญาติผู้ต้องหา พร้อมเพื่อนๆ ประมาณ 20 กว่าคน มารอให้กำลังใจ

สำหรับคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ ว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศนัดรวมตัวกันผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยนัดกันที่ สน.สำราญราษฎร์ เวลา 16.30 น. และมวลชนนำโดย นายสิทธิชัย หรือ ออย ผู้ต้องหาที่ 1 นายนภสิทธิ์ หรือ สายน้ำ ผู้ต้องหาที่ 2 น.ส.ทานตะวัน หรือ ตะวัน ผู้ต้องหาที่ 3 น.ส.อรวรรณ หรือ แบม ผู้ต้องหาที่ 4 นายธีรภัทร ผู้ต้องหาที่ 5 นายจิรภาพ หรือ แก๊ป ผู้ต้องหาที่ 6 นายณัฐพล ผู้ต้องหาที่ 7 นายรณกร หรือ แฟร๊งค์ ผู้ต้องหาที่ 8 และนายศุทธวีย์ หรือ บังเอิญ ผู้ต้องหาที่ 9 และมวลชนประมาณ 30 คน ได้ปีนขึ้นรถตำรวจจราจร และเริ่มตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ต่อมาเวลา 17.09 น. มีรถยนต์แท็กซี่ ทะเบียน 1 มข 8776 กทม.ได้นำสีทาบ้านแบบกระป๋อง เลือด และกระป๋องสีสเปรย์ มาส่งบริเวณหน้าสถานีตำรวจ จากนั้นผู้ต้องหาและมวลชนที่มาร่วมชุมนุม สาดสีและพ่นสีสเปรย์บันไดทางขึ้นและบริเวณโดยรอบ พ่นสีใส่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวอาคารที่ทำการและศาลเจ้าปู่ขาว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะ จากนั้นผู้ต้องหาได้ปิดทางเข้า สน.สำราญราษฎร์ อีกทั้งยังได้จุดพลุควันและปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ

กระทั่งเวลา 18.10 น. ผู้ต้องหาผู้ต้องหาที่ 1-9 ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นมาบน สน.สำราญราษฎร์ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา และมีการใช้กำลังทำลายทรัพย์สินของราชการ โดยผู้ต้องหาที่ 7 ใช้มือทุบกระจกและใช้เท้าถีบประตูบานเลื่อนอัตโนมัติแตกเสียหายและปลุกระดมมวลชนให้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยปากระป๋องสี และถุงเลือดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีคำสั่งห้ามเข้ามาก่อความวุ่นวาย แต่ผู้ต้องหาที่ 1 ยังได้ปากระป๋องสเปรย์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตก เป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวายและพยายามนำมวลชนบุกเข้ามาในบริเวณชั้น 2 ซึ่งมีตำรวจตั้งแผงเหล็กกันผู้ต้องหาเข้าไปในอาคาร จนกระทั่งเวลา 19.00 น.ผู้ต้องหาที่ 1-9 ได้ใช้กระบองไฟและกระป๋องสีทำร้ายทุบตีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ท้ายคำร้องยังระบุว่า ได้สอบปากคำผู้ต้องหาแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากต้องรอสอบพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และรอผลตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษ จึงขอฝากขังไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-22 พ.ค. 2566 และพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาบางราย ได้รับการปล่อยชั่วคราวในคดีอื่น แต่ยังฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลกำหนด และเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก น.ส.ทานตะวัน หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ หรือ แบม พร้อมกลุ่มมวลชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กว่า 20 คน รวมตัวเดินทางมาที่ สน.สำราญราษฎร์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามการปล่อยตัวของ น.ส.หยก เยาวชนอายุ 15 ปี ที่ สถานพินิจบ้านปราณี จังหวัดปทุมธานี ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง มาตรา 112 และ พ.ร.บ.โบราณสถาน
กำลังโหลดความคิดเห็น