รอง ผบ.ตร.แถลงปิดคดีโรงงานตัดเย็บผ้าใน อ.แม่สอด บังคับใช้แรงงานชาวพม่าผิดกฎหมาย ใช้งานหนัก กดค่าจ้าง
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 65 สำนักข่าว เดอะ การ์เดียน ของประเทศอังกฤษ ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับแรงงานของโรงงานแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด ถูกบังคับใช้อย่างไม่ถูกต้อง เมื่อปี 2560-2563 มีแรงงานชาวเมียนมาไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำงานตัดเย็บผ้า โดยตกอยู่ในสภาพบังคับให้ทำงานโดยตลอดนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 พ.ค.) ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สภ.แม่สอด และตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า โรงงานดังกล่าวคือ โรงงานผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของบริษัทชื่อดัง ในตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงเดินทางเข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว และเรียกประชุมสั่งการให้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของโรงงาน
พร้อมกันนี้ ยังให้มีการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อ เพื่ออำนวยความยุติธรรมในกรณีดังกล่าวโดยในเบื่องต้นมีการคัดแยกเหยื่อจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 วันที่ 28-29 ธ.ค. 2565 ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการคัดแยกเหยื่อ จำนวน 120 คน ครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ม.ค. 2566 ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการคัดแยกเหยื่อ จำนวน 49 คน โดยทั้ง 2 ครั้ง ยังไม่ปรากฏว่ามีความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือบังคับใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย ต่อจากนั้นองค์กรอิสระ (NGO) ขอให้มีการคัดแยกเหยื่อเพิ่ม ทีมสหวิชาชีพจึงได้คัดแยกเหยื่อ และครั้งที่ 3 ในวันที่ 24-27 ม.ค. 2566 ทำการสัมภาษณ์ ลูกจ้างโรงงานจำนวน 20 ราย ผลการคัดแยกพบการกระทำความผิดตาม ป.อาญา ความผิดอาญาฐาน ฉ้อโกง บัตรอิเล็กทรอนิกส์ พรก.บริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว ยึดเอกสารสำคัญฯ พรบ.คุ้มครองแรงงาน ให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับความยินยอม
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบความผิดปกติในการจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้าง โดยอดีตผู้จัดการโรงงานและทีมงานได้นำบัตรเอทีเอ็มของลูกจ้าง ไปกดเงินสดและทำการหักเงินบางส่วน ก่อนที่จะจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้าง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ นายธนกฤต นายศรัณย์ นางสาววิภารัตน์ ซึ่งได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาครบทั้ง 3 ราย และออกหมายเรียกนางศิริกุล กรรมการผู้จัดการคนที่ 1 ของบริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน เป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรง พ.ศ. 2541
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับนางสาวดวงฤทัย บุตรสาว กรรมการผู้จัดการคนที่ 2 มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐาน เป็นนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาในวันทำงานโดนไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราวๆ ไป ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าว เป็นคดีที่สื่อมวลชนไทย สื่อมวลชนต่างประเทศ และประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลไทยก็ตระหนักและให้ความสำคัญในประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในคดีดังกล่าวนี้ ได้มีการประชุม เร่งรัด และติดตามการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดในคดีได้ครบทุกราย ได้มีการกำชับ ชุดพนักงานสอบสวนให้มีความรัดกุมในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งให้มีความละเอียดรอบคอบใช้หลักผู้เสียหายเป็นจุดศูนย์กลาง รวมถึงอำนวยความยุติธรรมในการดำเนินคดี