MGR Online - ผบ.ตร. ร่วมภาคีเครือข่าย มอบรางวัลคลิปกล้องหน้ารถ “โครงการอาสาตาจราจร” ประจำเดือนม.ค.- ก.พ. พร้อมเตรียมเปิดรับคลิปอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์ มอบรางวัลวันละ 1 คลิป เงินรางวัลร่วม 2 แสนบาท
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล. พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, น.ส.พิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) น.ส.นิตยา ลีธีระกุล รองผู้จัดการฝ่ายรายการ สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และ น.ส.อัจฉรา บัวสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2566 จำนวน 20 รางวัล เงินรางวัลคลิปสูงสุดคลิปละ 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่มอบทั้งสิ้น จำนวน 100,000 บาท โดยบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล
ผบ.ตร.กล่าวว่า ความร่วมมือจากภาคประชาชนเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาสังคมหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาการจราจร ประชาชนสามารถช่วยกันสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน โดยร่วมกันเป็นตาจราจร สอดส่องพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ฝ่าฝืนกฎจราจร ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เมื่อสังคมเกิดการรับรู้ว่า การขับขี่บนถนนมีกล้องหน้ารถ หรือมีผู้ร่วมทางอาจใช้กล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎจราจร และจะเป็นพยานหลักฐานจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาดำเนินคดีในภายหลังได้ ก็จะช่วยยับยั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่ผิดกฎหมายบนท้องถนน สำหรับคลิปที่ส่งมาร่วมโครงการทุกคลิป จะเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี หรือใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลเพื่อพิจารณาลงโทษผู้ทำผิด คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากประชาชนจะได้รับเงินรางวัลแล้ว ยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ด้วย
นอกจากนั้น ผบ.ตร.กล่าวเน้นย้ำ 3 ประเด็น เพิ่มเติมว่า
1) การส่งคลิปมาร่วมโครงการ ประชาชนสามรถใช้โทรศัพท์มือถือในการบันทึกอุบัติเหตุ หรือการกทำผิดกฎจราจรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกล้องหน้ารถเท่านั้น
2) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีแคมเปญพิเศษเพิ่มเติม ในชื่อว่า “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” สำหรับให้ประชาชน ส่งคลิปอุบัติเหตุช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 มาร่วมในโครงการ และจะทำการคัดเลือกคลิปสำคัญที่เป็นพยานหลักฐานทางคดี จำนวน 7 คลิป รางวัลคลิปละ 10,000 บาท รวม 70,000 บาท
3) เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นมา ตร. และกรมการขนส่งทางบก ได้เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน เพื่อบังคับใช้มาตรการชะลอการ ออกป้ายภาษี ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งจะเป็นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพของกฎหมายจราจร ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ทั้ง 3 ประเด็นนี้ อันจะเป็นมาตรการส่งเสริมการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุ เพื่อให้ลดสถิติได้ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดทั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 แลภาพรวมตลอดทั้งปีต่อไป
ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ และทางมูลนิธิได้หาทุนสนับสนุนเงินรางวัลเพิ่มเติม ตั้งแต่เดือน มี.ค. 66 เป็นต้นไป จะมีการมอบรางวัลเพิ่มจากเดือนละ 10 คลิป เป็นเดือนละ 20 คลิป เนื่องจากขณะนี้มีประชาชนส่งคลิปมาเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยนอกจากคลิปกล้องหน้ารถแล้ว ก็ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกการกระทำผิดกฎจราจรส่งมาร่วมโครงการได้เช่นกัน ขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นอาสาตาจราจร พบเห็นการทำผิดกฎจราจร ให้รีบบันทึกภาพและส่งคลิปมาร่วมโครงการ
สำหรับประชาชนผู้ที่พบเห็นการทำผิดกฎจราจร หรืออุบัติเหตุ สามารถส่งคลิปมาในช่องทางที่กำหนด ได้แก่ เพจตำรวจทางหลวง เพจกองบังคับการตำรวจจราจร เพจศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ สวพ.91 และ จส.100
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ให้ขับขี่ตามกฎหมาจราจร โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัย และงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับรถ โดยเฉพาะเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์นั้น จากสถิติอุบัติเหตุทางถนน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วงเทศกาลทั้งปีใหม่ 66 และสงกรานต์ปีที่ผ่านมา สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ สูงเป็นอันดับ 2 ในช่วงเทศกาล ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สิน ชีวิต และร่างกาย จึงขอให้ประชาชนร่วมใจกันลดพฤติกรรมเสี่ยง ขับขี่ตามกฎหมาย “สวมหมวกนิรภัย” และ “เมาไม่ขับ” ทั้งตัวผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในรถ เพื่อให้สงกรานต์เป็นช่วงเวลาของความสุข ของพี่น้องประชาชน