ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไม่ให้ประกัน รองสารวัตร ตม.ร่วมกันรีดทรัพย์ชาวจีน 20 ล้าน ก่อนลดให้เหลือ 10 ล้าน ชี้ เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบความรู้สึกศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้ถูกกล่าวหาอาศัยตำแหน่งหน้าที่กระทำความผิด หวั่นไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นำตัว ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด รองสารวัตร กองกำกับกรสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองผู้ต้องหา ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคน
พฤติการณ์แห่งคดีสรุปว่าเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ผู้กล่าวหาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ซอยตระกูลสุข แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ได้มี นายต้าเกอ สัญชาติจีน (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) โทรศัพท์มาหาผู้กล่าวหาโดยให้ผู้กล่าวหาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาเพื่อไปทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล ที่แจ้งวัฒนะ โดยได้นัดหมายให้มาเจอกันที่บ้าน ซอยตระกูลสุข แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของผู้กล่าวหา ในวันที่ 10 มี.ค.2566
ต่อมาเวลาประมาณ 07.00 น. นายต้าเกอ จึงได้มาหาผู้กล่าวหาที่หน้าบ้าน และชวนกันนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง จากบริเวณหน้าโบสถ์แม่พระฟาติมา แขวงดินแดง เขตดินแดง เดินทางไปที่กรมการกงสุล ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยไปถึง เวลาประมาณ 07.30 น. หลังจากนั้น ผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ได้ไปพบชายไทยไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผิวดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ซึ่งผู้กล่าวหาเคยพบเห็นชายดังกล่าวมาแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ที่บริเวณหน้าประตูทางออกกรมการกงสุล ซึ่งจอดรถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เงิน ชายคนดังกล่าวได้แจ้งให้ผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ นั่งรออยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว แล้วชายคนดังกล่าวแจ้งว่าจะไปดำเนินการทำหนังสือเดินทางให้ แล้วก็เดินออกจากรถไป
หลังจากนั้น ประมาณ 1 ชั่วโมง ชายคนดังกล่าวได้เดินมาพร้อมกับชายไทย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) รูปร่าง อ้วนสูงประมาณ 155 เซนติเมตร แล้วชายคนดังกล่าวก็พูดว่าให้กลับไปก่อนแล้วนัดมาทำใหม่ในวันจันทร์ หลังจากนั้น ชายผิวดำ ก็ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวมาส่งผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ที่บริเวณหลังบ้านซอยตระกูลสุข พอมาถึง แล้วผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ลงจากรถยนต์คันดังกล่าว
ต่อมาได้มีผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีอาร์วี สีขาว ตามหลัง มาจอดที่บริเวณหลังบ้านของผู้กล่าวหาหลังดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง คือ ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ และได้มี ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด (ทราบชื่อภายหลัง) ที่ได้นั่งรถยนต์คันดังกล่าวบริเวณด้านหน้าข้างผู้ขับขี่ จากนั้น ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด ได้เดินมาหาผู้กล่าวหาและพูดว่า ไปไหนมา ไปทำอะไรมา เอาโทรศัพท์มา เอากระเป๋ามา จากนั้นผู้กล่าวหาจึงได้เดินเข้าไป ภายในบ้านหลังดังกล่าว ส่วน ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด ได้ยืนอยู่บริเวณหลังบ้าน
ต่อจากนั้น ได้มีผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ลงจากรถมาถ่ายรูปบริเวณหน้าบ้านของผู้กล่าวหา ต่อมามีผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 ขับตามหลังมาแล้วมาจอดที่บริเวณช่องจอดรถยนต์ฝั่งตรงข้ามเยื้องหลังบ้านของผู้กล่าวหา ลงจากรถแล้วเดินมาทางหลังบ้านแล้วเดินเข้าซอยข้างบ้านไปทะลุหน้าบ้านของผู้กล่าวหา ขณะเดียวกัน ได้มีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ขับมาที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งขณะนั้นผู้กล่าวหาได้เดินขึ้นไปเอาเอกสารของคนงานต่างด้าวเพื่อมาชี้แจงให้กับกลุ่มชายดังกล่าวเพื่อตรวจสอบดู แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ได้ตรวจสอบดูแต่อย่างใด ผู้กล่าวหาจึงวางเอกสารดังกล่าวไว้ที่บริเวณโต๊ะ ภายในบ้าน
หลังจากนั้น ผู้กล่าวหาจึงได้เดินมาที่บริเวณหลังบ้านมาหานายต้าเกอ ซึ่งมีกลุ่มชายคนดังกล่าวประมาณ 3-4 คนยืนอยู่ จากนั้นมีชายไทยรูปร่างสูง ซึ่งยืนอยู่ข้างตัวผู้กล่าวหาพูดว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการค้นตัวนายต้าเกอ ผลการตรวจค้นพบบัตรประจำตัวประชาชนของนายต้าเกอ แล้วจึงสั่งให้ผู้กล่าวหาเดินไปกับนายต้าเกอ แล้วขึ้นรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีอาร์วี สีขาวที่จอดเลยหลัง บ้านผู้กล่าวหาไป ผู้กล่าวหาได้ขึ้นไปนั่งภายในรถบริเวณเบาะด้านหลังคนขับตรงกลางส่วนด้านซ้ายมือและนายต้าเภอนั่งอยู่บริเวณด้านขวามือของผู้กล่าวหา และมี ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด นั่งอยู่บริเวณเบาะ
หลังจากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ ได้ขับรถยนต์พาผู้กล่าวหามาที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในระหว่างเดินทาง ด.ต.พีระศักดิ์พูดว่า ถ้าพวกคุณอยากเอาตัวรอดต้องทำตามที่สั่ง คือ ให้หาหนังสือเดินทางของนายต้าเกอมาให้ และ หาก ด.ต.พีระศักดิ์ ตรวจพบว่า นายต้าเกอ มีหมายแดงจะช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่มีหมายแดงก็พอจะช่วยได้ จากนั้นนายต้าเกอได้ให้ดูภาพถ่ายหนังสือเดินทางในโทรศัพท์มือของนายต้าเกอ แล้ว ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด ก็ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองถ่ายรูปหนังสือเดินทางของผู้กล่าวหาและนายต้าเกอเพื่อไปตรวจสอบ แล้วก็ลงจากรถ แล้วมีชายไทย (ไม่ทราบชื่อสกุล จริง) ขึ้นรถมาแล้วอ้างว่าเป็นเจ้านายของ ด.ต.พีระศักดิ์ แล้วชายคนดังกล่าวได้ตรวจค้นกระเป๋าของผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ
ในระหว่างนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ ได้ขับรถไปเรื่อยๆ โดย ด.ต.พีระศักดิ์ ได้พูดกับผู้กล่าวหาว่าจะเข้าไปที่ทำการของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ผู้กล่าวหาจึงได้พูดกับนายต้าเกอว่าจะเข้าไปหรือไม่ ซึ่งนายต้าเกอตอบว่าไม่เข้า และจะขอเคลียร์เงิน โดย ด.ต.พีระศักดิ์ พูดว่าให้เสนอมา ผู้กล่าวหาจึงถามนายต้าเกอ ซึ่งนายต้าเกอเสนอให้จำนวน 3 ล้านบาท ผู้กล่าวหาจึงเสนอให้เงินจำนวน 3 ล้านบาท แต่ ด.ต.พีระศักดิ์ ไม่ตกลง และได้เรียกเป็นจำนวน 20 ล้านบาท และมีการต่อรองกันไป โดย ด.ต.พีระศักดิ์ ลดให้เหลือ 15 ล้านบาท ในระหว่างนั้นนายต้าเกอมีความกังวลและกลัวว่าจะถูกจับ จึงได้เสนอให้จำนวน 5 ล้านได้หรือไม่
ในขณะนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ ได้ขับรถคันดังกล่าวไปถึงบริเวณปั๊มน้ำมันเชลล์ ใกล้กับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแล้วจอดรถ จากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ จึงได้ลงจากรถเพื่อไปคุยโทรศัพท์ ผู้กล่าวหาจึงบอกว่าผู้กล่าวหาอยากเข้าห้องน้ำ จากนั้น ต.ต.พีระศักดิ์ จึงได้ขับรถวนไปที่บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมัน ทุกคนจึงได้ลงจากรถ โดยผู้กล่าวหาได้เข้าไปที่ในห้องน้ำส่วนนายต้าเกอยืนสูบบุหรี่อยู่ที่หน้าห้องน้ำ
หลังจากนั้นผู้กล่าวหาได้พูดคุย กับ ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด แล้วมีการพูดคุยว่า ผู้กล่าวหาจะเสนอให้ ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด 1 ล้านบาท และให้ตัวผู้กล่าวหา 1 ล้านบาท เพื่อจะให้ตกลงในราคา 5 ล้านบาท หลังจากนั้น ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด ได้มาเล่าให้กับ ด.ต.พีระศักดิ์ ฟัง เป็นเหตุให้ ด.ต.พีระศักดิ์ ไม่พอใจ หลังจากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ จึงได้ขับรถวนเข้าไปที่บริเวณสนามหญ้าภายในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในระหว่างนั้น นายต้าเกอ ได้บอกให้ผู้กล่าวหาว่ารีบๆ ตกลงเดี๋ยวจะโอนเงินไม่ทันจะทำให้ถูกจับ
หลังจากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ จึงได้เรียกผู้กล่าวหาลงจากรถเพื่อไปพูดคุยเรื่องราคาแล้วตกลงกันที่ราคา 12 ล้านบาท แล้วผู้กล่าวหาจึงได้สอบถามนายต้าเกอว่า 12 ล้านตกลงหรือไม่ โดยนายต้าเกอให้เสนอไปจำนวน 10 ล้านบาท แต่ผู้กล่าวหาได้พูดเสนอไปจำนวน 7-8 ล้านบาท แต่ ด.ต.พีระศักดิ์ ยังไม่ตกลง ผู้กล่าวหาจึงเสนอไป 9 ล้านบาท โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้กล่าวหา แต่ ด.ต.พีระศักดิ์ ไม่พอใจเหตุใดจึงจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้กล่าวหา
ในระหว่างนั้น นายต้าเกอ ได้ติดต่อกับลูกชายที่ประเทศจีน เพื่อจะให้โอนเงินมาให้ ในข้อตกลงดังกล่าว นายต้าเกอจะต้องจ่ายเงินจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อโอนเข้าบัญชีแล้ว ด.ต.พีระศักดิ์ จะต้องคืนเงินให้กับผู้กล่าวหาจำนวน 1 ล้านบาทโดยให้ผู้กล่าวหาไปติดต่อกับล่ามของ ด.ต.พีระศักดิ์โดยไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด
ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเดียวกัน ลูกชายของนายต้าเกอ ที่อยู่ที่ประเทศจีน ได้แจ้งกับ นายต้าเกอ ทราบว่า มีการโอนเงินผ่านระบบ E-TOKEN จำนวน 10 ล้านบาท จากนั้นนายต้าเกอ ได้แจ้งให้ ด.ต.พีระศักดิ์ กับพวกทราบว่ามีการโอนเงินให้เรียบร้อย หลังจากนั้น ได้พาผู้กล่าวหาและนายต้าเกอไปรับประทานอาหาร (ข้าวมันไก่ตอนรสเด็ดสูตรไหหลำ) บริเวณริมถนนแจ้งวัฒนะ
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันเดียวกัน หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด.ต.พีระศักดิ์ กับพวกได้พาผู้กล่าวหาและนายต้าเกอขึ้นรถยนต์ แล้วขับวนเข้าไปในลานจอดรถศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นั่งข้างผู้กล่าวหาได้นำเอกสารซึ่งคล้ายกับเอกสารรับรองเป็นพยานบางอย่าง เมื่อเซ็นเอกสารเสร็จแล้ว และนำโทรศัพท์มือถือมาคืนให้กับผู้กล่าวหาแล้วได้พาผู้กล่าวหากับนายต้าเกอ ขึ้นรถพามาส่งที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ได้เรียกรถแท็กซี่เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันเดียวกันกลับมายังบ้านพัก เเละเเจ้งความดำเนินคดีจนจับกุมตัวผู้ต้องหากับพวกได้
การกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, มาตรา 309 วรรคสอง, มาตรา 310 ประกอบมาตรา 83 ชั้นสอบปากคำผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ภายหลังผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวตนเองระหว่างสอบสวน
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหามีโทษสถานหนัก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานของตนสร้างโอกาสในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่า ผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาร่วมขบวนการอีก 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคุมตัวเพื่อไปสืบสวนขยายผลการจับกุม