มีอีกเหยื่อสองผัวเมียยี่ปั๊ว หลอกลงทุนซื้อเครื่องดื่มชูกำลังโผล่อีก 2 ราย สูญเงินเกือบ 10 ล้านบาท ต้องนำบ้านไปจำนำใช้หนี้ พ้ออยากฆ่าตัวตาย ญาติช่วยปลอบให้กำลังใจ
จากกรณีสาวใช้ Facebook ชื่อ ลุคโซ ยี่ปั๊ว ขายส่งเครื่องดื่มทุกชนิด โพสต์ Facebook เตือนภัยสองผัวเมีย หลอกโกงเงินและสินค้า ว่า 📣ทางบริษัทฯ ขอแจ้งเตือนภัยบุคคลอันตราย 2 คนนี้ให้กับเพื่อนๆ ร่วมวงการให้รู้ทันและปกป้องตัวเองจากมิจฉาชีพ เพราะในปัจจุบัน จำนวนร้านค้าโชวห่วยในประเทศไทยมีมากกว่า 400,000 ร้านค้า บุคคลในภาพ 2 คนนี้เป็นสามีภรรยากัน โดยร่วมกันฉ้อโกง ทางบริษัท ลุคโซยี่ปั๊ว จำกัด ของเราเสียหายจำนวนเงิน 26.4 ล้านบาท และยังมีเพื่อนของเราอีก 3 คน ที่โดนสองสามีภรรยาคู่นี้โกง รวมมูลค่า 10 ล้านบาท รวมไปถึงยังมีบุคคลอื่นๆ อีกนับสิบคนที่โดนไปด้วย คาดว่า มูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาทอย่างแน่นอน .....ทางบริษัทฯ มีรางวัลนำจับ !!!!! แจ้งเบอร์ติดต่อในรูป หรือ ติดต่อ สภ.บางใหญ่ 025950660 ได้เลยค่ะ เมื่อท่านเห็นข้อความแล้ว ขอเพียง 1 แชร์เพื่อเป็นบุญ อย่าให้ใครต้องมาโดนเหมือนเราเลย
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริษัทดังกล่าว ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.ภาวิดา หรือ ใหม่ อาจยุทธิ์ เจ้าของบริษัท ว่า รู้จักกับนายเหลา และ นางสาวบีม ได้ราวปีเศษ โดยทั้งสองคนซึ่งเป็นผัวเมียกันได้ชักชวนตนเองให้ร่วมลงทุนซื้อขายสินค้าจำพวกเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อต่างๆ โดยสามารถตัดสินค้าได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาดและร้านค้า ประมาณ 1-10 บาท จากห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้ในราคาถูก ซึ่งเรียกกันในศัพท์ท้องตลาดว่า “มือปืนตัดหลังห้าง” ช่วงแรกๆ ก็สามารถได้รับสินค้าและมีกำไรจนตนหลงเชื่อและไว้ใจ ทำการค้ากับนายเหลาและนางสาวบีมมาตลอดจนกระทั่งมา 3 เดือนหลังก่อนหน้านี้ ตนได้สั่งสินค้าจากสองผัวเมียคู่นี้เป็นเงิน 26.4 ล้าน โดยนายเหลายืนยันว่าสินค้าที่สั่งตามจำนวนเงินมีครบและเก็บอยู่ในโกดังของห้างสรรพสินค้าหลายห้าง และเคยพาตนเองไปดูสินค้าที่สั่งไว้ทั้งหมด ต่อมาตนจะนำของที่สั่งมาจำหน่ายต่อเพื่อทำกำไร ปรากฏว่า ได้รับการปฏิเสธและไม่มีสินค้าดังกล่าวจริง จึงรู้ว่าถูกหลอกแน่เลยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ และทราบจากทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาทั้งสองคนแล้ว โดยหมายเรียกครั้งที่ 2 ออกไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 66 แต่ทั้งสองคนยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเตรียมอนุมัติขอหมายศาลออกหมายจับหลังจากนี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เสียหายหลายรายที่ถูกนายเหลากับนางสาวบีมหลอกลวงรายละหลายล้านบาท กำลังเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่บ้านของนายเหลากับนางสาวบีม ซึ่งเปิดเป็นร้านค้าโชวห่วยพบว่าได้ปิดประตูบ้านหลบหนีไปแล้วทั้งสองคน ตอนนี้ตนอยากให้ทั้งคู่ถูกตำรวจจับโดยเร็ววัน เพราะเกรงว่าจะไปหลอกลวงเหยื่อรายอื่นๆ อีก และยินดีจ่ายเงินจำนวน 2 แสน หากจับ 2 ผัวเมียมหาภัยคู่นี้ให้ได้
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 14 มีนาคม 66 ที่ร้านเครื่องดื่ม Amazon ภายในตลาดต้นสัก ถ.สนามบินน้ำ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นางสาวภาวิดา หรือ ใหม่ พร้อมด้วย นางสาวเพ็ญจันทร์ ด่อนสิงหะ อายุ 38 ปี และ นายณรงค์ฤทธิ์ สุวรรณวุฒิมิตร อายุ 28 ปี ได้ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดถึงการถูกนายเหลาและนางสาวบีม หลอกลวงในครั้งนี้เพิ่มเติม
โดย นางสาวเพ็ญจันทร์ เปิดเผยด้วยเสียงเศร้า ว่า ตนเปิดร้านโชวห่วยขายส่งเครื่องดื่มชูกำลังย่านบางเลน จังหวัดนครปฐม ถูกนายเหลากับนางสาวบีม สองผัวเมียหลอกลงทุนซื้อสินค้าเหมือนกับรายของนางสาวภาวิดา สูญเงินไป 7 ล้านบาท ตนเองแทบไม่เหลืออะไรเลยในชีวิตนี้ เพราะเป็นเงินที่ตนไปขอเครดิตมาจากร้านโชวห่วยหลายๆ ร้าน เพื่อจะนำสินค้ามาลงให้เขา สุดท้ายกลับไม่ได้สินค้าตามที่สั่งทำให้ตนเองเกิดความเครียดหลายครั้ง จนอยากคิดฆ่าตัวตาย โชคดีที่ยังมีคนในครอบครัว และ นางสาวภาวิดา คอยให้กำลังใจต่อสู้ ตอนนี้ก็ใช้หนี้ไปได้บางส่วนแล้ว ส่วนที่ยังติดค้างอยู่อีกหลายล้านบาท ตนก็ได้นำบ้านเข้าจำนอง เพื่อนำเงินที่ได้มาทยอยใช้หนี้ให้กับร้านค้าที่ตนไปนำเงินเขามาเพื่อสั่งซื้อเครื่องดื่มชูกำลังจากสองผัวเมียมหาภัยคู่นี้ แล้วถูกโกงจนหมดตัว
ส่วน นายณรงค์ฤทธิ์ สุวรรณวุฒิมิตร อายุ 28 ปี เจ้าของร้านโชวห่วยขายส่งเครื่องเดิมย่านถนนลาดหญ้า ฝั่งธนบุรี เหยื่อรายที่ 3 เปิดเผยว่า ตนสูญเงินให้กับนายเหลาและนางสาวบีมไปเกือบ 1.5 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่ได้สินค้าตามที่แอบอ้าง ทราบเรื่องจากกลุ่มไลน์ของผู้ค้าโชวห่วย จึงได้เดินทางมารวมตัวกับผู้เสียหายอีก 2 ราย เพื่อร้องเรียนกับทนายโป้งให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายถูกหลอกคาดว่าจำนวนเงินน่าจะไม่ต่ำกว่า 50-60 ล้านบาท
ขณะที่ นายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา ทนายโป้ง กล่าวว่า ผู้เสียหายมาหาตนวันนี้ จุดประสงค์คงไม่ใช่เรื่องของการถูกหลอกจำนวนเงินมูลค่าหลายสิบล้าน แต่มันอยู่ที่กระบวนการชั้นต้น คือ พนักงานสอบสวนล่าช้า แจ้งความตั้งแต่ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ถึงวันนี้เวลาเดือนกว่าแล้ว ตนได้โทร.ถามพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน บอกว่าได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว กว่าจะออกหมายเรียกในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งตนว่ามันล่าช้า เบื้องต้นได้นัดหมายกับผู้กำกับ สภ.บางใหญ่ ว่า พรุ่งนี้จะเข้าไปพบทางผู้กำกับ เพื่อให้อธิบายว่าทำไมถึงล่าช้า เรื่องนี้มีการโฆษณาในสื่อออนไลน์ทางผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งมีการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ราคาสินค้ายั่วยวน มีราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายในท้องตลาด ซึ่งมีความผิดครบในเรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดฉ้อโกงมันก็ชัดเจน เป็นการฉ้อโกงประชาชน อยากฝากพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ รีบดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องไปถึงสอบสวนกลางหรือไม่ก็กองปราบ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ โชว์ผลงานจับทั้งสองคนมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะถือเป็นภัยสังคมหลอกลวงสุจริตชนคนทำมาหากินจนหมดตัวถึงกับคิดค่าตัวตายในครั้งนี้เลยทีเดียว