MGR Online - ดีเอสไอ เผย กลโกงแชร์ลูกโซ่ สร้างโปรไฟล์หรู อ้างคนมีชื่อเสียง แนะระวังธุรกิจ 4 ประเภท “ระดมทุน-ขายตรง-ธุรกิจพลังงาน-แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ”
วันนี้ (8 มี.ค.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุน ในธุรกิจรูปแบบต่างๆ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ซึ่งนับวันมีแต่จะทวีความรุนแรงสร้างความเดือดร้อน และเป็นภัยต่อสังคมมากขึ้นทุกขณะ
จากการรวบรวมข้อมูลการกระทำความผิดของกลุ่มมิจฉาชีพในคดีต่างๆ พบพฤติกรรมที่กลุ่มผู้กระทำความผิดมักใช้เป็นอุบายในการล่อลวงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ มีการโฆษณาว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น แต่ให้ผลตอบแทนสูง ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันต้นเงินลงทุน ผู้กระทำผิดชอบโพสต์แสดงภาพการใช้ชีวิตหรูหรา เช่น โชว์เงินสดจำนวนมากๆ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรูราคาแพงหลายคัน และใช้สินค้าแบรนด์เนม อวดอ้างว่ามีบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม ดารา นักร้อง นักแสดงเป็นหุ้นส่วนหรือเข้าร่วมลงทุนด้วย
บางกรณีอาจมีการจัดฉากอบรม สัมมนา บรรยายให้ความรู้ สร้างภาพแสดงแผนการลงทุนในธุรกิจเป็นร้อยล้าน พันล้านบาท แสดงผลประกอบการที่ได้กำไรดีเกินจริง เพื่อโน้มน้าวให้รีบเร่งตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน แต่ในความเป็นจริงมีการจดทะเบียนธุรกิจเพียงหลักแสนหรือหลักล้านต้นๆ และผลประกอบการไม่มีกำไร หรือมีแต่น้อย หลายๆ คดีพบว่าผู้กระทำผิดมักโน้มน้าวให้ผู้ลงทุนซึ่งเป็นสมาชิกเก่าไปหาสมาชิกใหม่มาลงทุนเพิ่ม โดยใช้ค่าแนะนำสมาชิกเป็นสิ่งจูงใจ และมักสร้างภาพขยายกิจการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไปยังประเภทธุรกิจที่ต่างกัน เช่น เริ่มต้นจากการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต่อมา อ้างว่ามีผลประกอบการดี จึงขยายกิจการไปทำธุรกิจเสริมความงาม หรือธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
โดย 4 กลุ่มประเภทธุรกิจที่มิจฉาชีพนิยมนำมาใช้ในการหลอกลวง คือ 1. กลุ่มธุรกิจการรับฝากเงิน หรือการระดมทุนเพื่อนำไปลงทุนในสินค้าอื่นต่อ เช่น กรณีแชร์แม่มณี เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาฝากกับผู้กระทำความผิด โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 50 ของเงินลงทุนต่อเดือน หรือกรณีแชร์โอดี แคปปิตอล เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนให้ผู้กระทำความผิดนำไปลงทุนทำธุรกิจเครื่องประดับ เสื้อผ้า รถยนต์ หรือ รีสอร์ต โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 10 ของเงินลงทุนต่อเดือน เป็นต้น
2. ธุรกิจขายตรง (แอบแฝงแชร์ลูกโซ่) เป็นการใช้รูปแบบการประกอบธุรกิจขายตรงเป็นฉากบังหน้า ส่วนใหญ่มักอ้างขายสินค้าอาหารเสริม เครื่องสำอาง ของกินของใช้ต่างๆ แต่ความจริงแล้วผู้กระทำความผิดไม่มีสินค้าอยู่จริง หรือเป็นสินค้าด้อยคุณภาพไม่สมราคา เช่น กรณีแชร์น้ำมันหอมระเหย ผู้กระทำความผิดได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าสมัครเป็นสมาชิกตัวแทนจำหน่าย ตะเกียง และน้ำมันหอมระเหย สมาชิก การลงทุนมี 5 ระดับ หลังจากสมัครแล้วสมาชิกเก่าจะต้องหาสมาชิกใหม่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด เพื่อให้ตนเองได้เลื่อนระดับสูงขึ้น ไม่ได้มุ่งเน้นให้สมาชิกนำสินค้าไปจำหน่ายแต่อย่างใด โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 1.6-1.8 ของเงินลงทุนต่อเดือน เป็นต้น
3. ธุรกิจพลังงาน หรือสินค้าเกษตร เช่น กรณีแชร์น้ำมันออสซี่ออยล์ เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนในสินค้ากลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และน้ำมันเพื่อการเกษตรราคาถูก โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 2.6 ของเงินลงทุนต่อเดือน
4. ธุรกิจเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) หรือสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น กรณีแชร์ Forex-3D เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนกับผู้ต้องหาเพื่อนำไปเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ อ้างว่า มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและใช้ระบบ AI ในการเก็งกำไรซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนให้ โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 5-6.6 ของเงินลงทุนต่อเดือน หรือกรณีแชร์ พี มายเนอร์ เป็นการชักชวนให้ประชาชนนำเงินมาลงทุนกับผู้ต้องหา เพื่อนำไปเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล USDT, BITCOIN โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลร้อยละ 15 ของเงินลงทุนต่อเดือน เป็นต้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชน ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพโดยง่าย ทั้งนี้ หากสงสัยว่าจะถูกหลอกให้ลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่สามารถสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนการลงทุนได้ที่ไลน์ @checkdidsi