MGR Online - ฝรั่งเหยื่อการ์ดจับใส่กุญแจมือ-ตบหน้า หาขโมยน้ำดื่ม โผล่แจ้งความกองปราบ ด้านเจ้าของผับวิ่งโร่มาขอเจรจา ยอมจ่าย 5 หมื่น ยุติคดี
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ พา นายโรดริก อายุ 34 ปี สัญชาติอเมริกัน ที่ถูกการ์ดของสถานบันเทิง “เดอะ คลับ ข้าวสาร" ถนนข้าวสาร จับใส่กุญแจมือและตบหน้า หลังเข้าใจผิดหาว่าขโมยน้ำดื่ม เข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายธงชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี การ์ดสถานบันเทิงดังกล่าวในข้อหา “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯและพกพาอาวุธมีดฯ” และแจ้งความ นายกฤษฎา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี การ์ดคนที่เข้าห้ามปราม ในข้อหา “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ” ส่วนเจ้าของสถานบันเทิงดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายฯ”
นายโรดริก เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุไปเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าวกับน้องชาย และเพื่อนผู้หญิงอีก 2 คน ซึ่งหลังจากที่เพื่อนสั่งเบียร์ 2 ขวดไป บาร์เทนเดอร์ได้ยื่นน้ำดื่ม 1 ขวด มาให้ด้วย ตนเข้าใจว่า เป็นบริการฟรี จึงถือกลับโต๊ะ จากนั้นไม่นานการ์ดได้เดินมาเรียกตนเข้าไปเจรจาอีกห้อง ก่อนถูกจับล็อกกุญแจมือ และถูกตบหน้า 3 ครั้ง โดยระหว่างนั้น ผู้ก่อเหตุยังใช้มีดยาวมาข่มขู่ พร้อมกล่าวหาตนว่าขโมยน้ำดื่ม ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และขอยืนยันว่า เข้าใจผิดคิดว่าบาร์เทนเดอร์บริการน้ำดื่มให้ลูกค้าฟรี เหมือนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเพื่อนได้แนะนำให้ปรึกษาทนายเพื่อพาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว ส่วนกระแสข่าวพบยาเสพติดในวันเกิดเหตุนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน
“ผมทำงานเป็นช่างประปาอยู่ที่สหรัฐฯ แต่เคยมาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย อยู่นานกว่า 2 ปี จึงตั้งใจกลับมาเที่ยว เพราะประทับใจทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้กระทบกับความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเมืองไทยและคนไทยแม้เพียงน้อย” นายโรดริก กล่าว
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวรายนี้ จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวมีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการหรือไม่ และขอยืนยันว่า หลังจากเกิดเหตุ ทางร้านไม่เคยติดต่อกลับไปหาผู้เสียหายโดยตรง เพื่อเจรจาขอโทษหรือชี้แจงเรื่องใดๆ ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นในร้านของคุณ ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียหายไม่แจ้งความกับตำรวจ สน.ชนะสงคราม นั้น ก็เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย และเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาในเวลาเดียวกัน นายประสิทธิ์ สิงห์ดำรงค์ อุปนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร พร้อมด้วย นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ได้มาขอเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางผู้เสียหาย โดยระบุว่า ที่ผ่านมา พยายามติดต่อผู้เสียหาย แต่ไม่สามารถทำได้ เมื่อรู้ว่าวันนี้ทางผู้เสียหายจะเข้ามาแจ้งความ จึงรีบมารอเจรจา เพื่อขอแสดงความรับผิดชอบและตกลงชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมยืนยันว่า ทางร้านไม่ได้ละเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุทางร้านได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมไล่การ์ดชุดที่ดูแลความปลอดภัยวันเกิดเหตุออก 6 คน รวมทั้งผู้จัดการร้านอีก 1 คน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบขอยืนยันว่า การ์ดไม่ได้ใช้อาวุธมีดก่อเหตุตามที่นักท่องเที่ยวอ้าง ส่วนเรื่องการใช้กุญแจมือปกติจะต้องเป็นการ์ดที่ผ่านการอบรม จึงจะใช้ได้ แต่การ์ดชุดนี้ใช้กุญแจมือโดยพลการ
ขณะที่ นายสง่า กล่าวว่า กลุ่มการ์ดผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า เป็นความเข้าใจผิดคิดว่านักท่องเที่ยวขโมยน้ำดื่ม แต่ก็ยอมรับว่ามีการใส่กุญแจมือ ซึ่งเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ทางสมาคมฯจึงเรียกเจ้าของร้านมาทำความเข้าใจมาตรการ โดยมีการสั่งปิดสามวันตามข้อตกลงและมาตรการของสมาคมฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจากันทั้งสองฝ่าย ทางผู้เสียหายได้เรียกร้องเงินค่าเสียหาย 50,000 บาท ซึ่งทางตัวแทนของสถานบันเทิงคู่กรณียินดีที่จะชดใช้ให้ เรื่องดังกล่าวจึงยุติลง