xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจสาวโร่แจ้งความ ใช้ จยย.ส่งนาฬิกาหรูมูลค่า 2 ล้านบาท ซ่อม แต่หายก่อนถึงช่าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



สาวนักธุรกิจขายนาฬิกาหรู แจ้ง ตร.หลังนาฬิกาปาเต๊ะ ราคากว่า 2 ล้าน หาย ตร.สอบ 3 ผู้ต้องสงสัย แม่บ้าน 2 คน จยย.ส่งของ 1 คน

วันนี้ ( 5 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. นางสาวฐิติมา หรือ เป้ สายศิลป์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/8 ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง หลังนาฬิกายี่ห้อ Patek มูลค่า 2.1 ล้านบาท หายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในบ้าน ขณะกำลังเตรียมส่งให้ช่างตรวจเช็กสภาพ จึงนำตัว น.ส.หนึ่ง น.ส.แพท พี่เลี้ยงที่ดูแลลูกชายของตนเองภายในบ้าน และ นายธเนศ หรือ นัด อายุ 27 ปี Messenger ที่รับหน้าที่วิ่งงานให้กับตนเอง มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้สอบปากคำและสืบหาว่าใครเป็นคนนำนาฬิกาปาเต๊ะของตนเองไป

น.ส.ฐิติมา เผยว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา ขนาดตนเองกำลังพักผ่อนอยู่บนชั้นบนของบ้านกับสามี ตนเอง ได้ติดต่อให้นายธเนศ หรือ นัด ยิงรัมย์ อายุ 27 ปี Messenger ที่สนิทและไว้วางใจกันมานานกว่า 7 ปี ให้นำนาฬิกา 2 เรือน ยี่ห้อปาเต๊ะ หน้าปัดเทาดำ รุ่น 7118/10200 A มูลค่า 2.1 ล้านบาท กับนาฬิกา Rolex หน้าปัดเงิน รุ่น 116509 มูลค่า 1.8 ล้านบาท ไปตรวจเช็กสภาพเครื่องกับช่างประจำที่ย่านบางแค รวมทั้งฝากเงินสด 1.7 ล้านบาท ใส่ไว้ในถุงซิป เพื่อนำไปให้มารดาของตนเองที่บางบอน โดยตนใช้บริการของนายธเนศ มานานเกือบ 10 ปีแล้ว ในวันเกิดเหตุ นายธเนศ ได้นำทรัพย์สิน เงินสด 1.7 ล้านบาท ไปให้มารดาของตนเองเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนนาฬิกา ทั้ง 2 เรือนนั้น นายธเนศ และทางร้านนาฬิกา ได้ยืนยันว่า มีเพียง Rolex เท่านั้น ที่อยู่ในถุงซิป และนำมาให้ร้านตรวจเช็ก ตอนนั้นตนเองตกใจมาก จึงสอบถามเรื่องราวจากลูกชายวัย 10 ขวบ รวมทั้งพี่เลี้ยงสาวที่ชื่อ หนึ่ง และ แพท แต่พี่เลี้ยงทั้ง 2 คน ยืนยันว่า ไม่ได้เอานาฬิกาปาเต๊ะที่หายไป ตนเองสอบถามทราบจากลูกชายว่าเป็นคนหยิบนาฬิกาพร้อมกับพี่เลี้ยงที่ชื่อหนึ่ง ใส่ลงไปในถุงซิปคนละเรือนจริงๆ ตอนนั้น

เมื่อสอบถามนางสาวแพท ก็บอกว่า ตนเองไม่ได้เอาไป แต่ช่วงเกิดเหตุที่นาฬิกาหาย เป็นช่วงเปลี่ยนกะของพี่เลี้ยงทั้ง 2 คน โดยนางสาวแพทกำลังจะออกเวร ส่วนนางสาวหนึ่งกำลังจะมาเข้าเวร และอยู่ระหว่างเตรียมอาหารให้กับลูกๆ ของตน ซึ่งช่วงนั้นเองลูกชายตนเองกับนางสาวหนึ่ง ที่ช่วยกันนำเงินสด และนาฬิกาใส่ถุงเป็นที่เรียบร้อย โดยนำถุงซิปดังกล่าวมาไว้ที่โต๊ะอาหาร มีเพียงนางสาวแพท ที่เข้ามาที่ครัว ส่วนลูกชายกับนางสาวหนึ่ง ก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตนจึงไม่ทราบจริงๆ ว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าวถูกใครเอาไปใน 3 คนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้น ตนอยากให้คนที่หยิบไปนำมาคืน ยืนยันจะไม่เอาเรื่อง และจะให้รางวัลเป็นเงินก้อนหนึ่ง แต่ถ้าหากถูกจับได้ในภายหลังว่าใครเป็นคนเอาไป และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบจนจับกุมตัวได้ ตนก็จะดำเนินคดีถึงที่สุด

ขณะที่ นายธเนศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้นว่า วันเกิดเหตุตนได้รับแจ้งจากนางสาวฐิติมา ให้มารับทรัพย์สิน ประกอบด้วย นาฬิกาทั้ง 2 เรือนดังกล่าว รวมทั้งเงินสด ซึ่งทราบว่าเป็นหลักล้านบาท แต่ตนไม่ทราบว่าเท่าไหร่ โดยให้นำไปให้มารดาของนางสาวฐิติมา หลังจากนั้น ตนก็ได้นำนาฬิกาออกมาจากถุงซิปไปให้ช่างซ่อม แต่ปรากฏว่า มีเพียงเรือนเดียว จึงรีบโทร.แจ้งให้นางสาวฐิติมาทราบด่วน หลังเกิดเรื่องตนนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะทราบว่า นาฬิกามี 2 เรือน ยืนยันว่า วันที่ตนเอาไปให้ช่างในถุงซิป มีนาฬิกาเพียงเรือนเดียวจริงๆ และยืนยันว่า ตนไม่ได้เอาไปอย่างแน่นอน ตนทำงานรับจ้างนำสิ่งของมีค่าจากนางสาวฐิติมา มานานเกือบ 10 ปี ไม่เคยมีความคิดที่จะหยิบฉวยข้าวของที่มีค่าที่รับจ้างมายังเด็ดขาด

ด้าน นางสาวหนึ่ง อายุ 42 ปี พี่เลี้ยงเด็ก กล่าวว่า ตนอยู่กะดึก เช้ามาก็เตรียมชุดให้น้องคนโตไปโรงเรียน วันเกิดเหตุน้องไม่ได้ไปโรงเรียน เวลาประมาณ 08.03 น.ตนได้ยินเสียงน้องคนเล็กเคาะเสียงดังก๊อกๆ ตนเลยรีบลุกขึ้นมาคิดว่าน้องต้องเล่นอะไรผิดปกติอยู่แน่ ก็เลยพุ่งตัวไปหน้าประตูห้อง เห็นว่า นาฬิกาถูกเปิดออกมาจากกล่อง ซึ่งตนเคยเห็น เจ้านายเอานาฬิกาไปซ่อม พอตนเห็นคิดว่านาฬิกาต้องแพงแน่ มีทั้งหมด 2 เรือน น้องเปิดซิปออกมาแล้วเอานาฬิกาออกมาจากเคท ตนเลยเรียกน้องคนโตให้เอานาฬิกาไปเก็บ น้องเลยเอาไปเก็บบนโต๊ะกินข้าว ตนไปเตรียมข้าวมาให้น้อง แต่ตนยังเห็นว่าถุงวางบนโต๊ะ แต่ไม่ได้ผูกปากถุง หลังจากนั้น ตนก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอีกเลย

พี่คนที่เปลี่ยนกะเข้ามาเปิดประตูรั้ว ตนก็ไปที่รถเพื่อขยับรถออก แล้วเข้ามาล้างขวดนม ซึ่งอยู่ส่วนในครัว ไม่ได้เดินมาโซนที่วางของเอาไว้แล้วตนกลับบ้านตามปกติ มองนาฬิกาประมาณ 09.00 น. หลังจากนั้น ประมาณ 13.30 น.เจ้านายโทร.มาถามว่าพี่หนึ่งเห็นนาฬิกาไหม ตนบอกว่า เห็นมี 2 เรือน แต่ที่ร้านนาฬิกาบอกว่ามีเรือนเดียวมันหายไป 1 เรือน ตนยืนยันว่า เห็น 2 เรือน เจ้านายโทร.มาอีกรอบนึง ตนเลยบอกว่าแจ้งตำรวจเลยไหม พยายามช่วยกันหาในบ้าน แต่ไม่เจอ ตนเลยไปไล่ตามไทม์ไลน์ Messenger มาตอน 09.34 น.ตนกลับไปถามน้อง ซึ่งเป็นลูกชายคนโต ถามว่าอยู่ที่หน้าของที่วางไว้ตลอดเลยหรือเปล่า เขาบอกอยู่ตลอด แต่พอถามอีกครั้งเขาบอกว่า เดินขึ้นไปหามาม๊า เพื่อจะคุยเรื่องไปว่ายน้ำ ก็คือ ทิ้งของไว้ตรงนั้น ตนโทร.ไปถามครูว่ายน้ำ บอกว่า ลูกชายคนโตโทร.ไปตอน 10.03 น.บอกว่าไม่ไปว่ายน้ำแล้ว ตอนนั้นตนไม่รู้ว่าพี่เลี้ยงอีกคนไปเอาชุดว่ายน้ำทำไม ในเมื่อน้องคนโตบอกยกเลิกแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่า ตนไม่ได้จับของอีกเลย เพราะตอนออกไป ของก็อยู่บนโต๊ะกินข้าว ไม่ได้เดินเฉียดไปอีกเลย ตอนนี้ไม่สบายใจ เนื่องจากทางเจ้านายบอกว่าถ้าหาของไม่ได้ จับคนเอาไปไม่ได้ ก็จะไล่ออกทั้งหมดเลย

ขณะที่ นางสาวแพท พี่เลี้ยง (เสื้อขาว) กล่าวว่า ตนทำงานสลับกัน 2 กะ พี่หนึ่งจะเข้า 19.00 น. ส่วนตนจะเข้ากะ 09:00 น ออก 19:00 น พอตนมาถึงให้น้องเปิดประตูรั้วให้ พอตนเข้ามาทางพี่หนึ่งก็เดินไปตรงโต๊ะอาหาร จัดของให้น้องจนเสร็จประมาณ 09:14 น. ตอนนั้นตนอยู่ในครัวแล้วอุ้มน้องคนเล็กอยู่ ทำอะไรจนเสร็จประมาณก่อนหน้า Messenger มาประมาณ 10 นาที อุ้มน้องไปที่โซฟา แล้วไปหยิบตะกร้านมน้องตรงที่โต๊ะทานข้าว ซึ่งตนไม่รู้ว่ามีของ ซึ่งเป็นนาฬิกาอยู่บนโต๊ะ ไม่งั้นตนจะเลื่อนไปอีกที่หนึ่ง จะเอาไว้ตรงบันได เวลาน้อง Messenger มาตนจะเปิดประตูให้เขามาหยิบ ทำแบบนี้มา 2 ปีแล้ว เพราะตนอยู่มาก่อนคนชื่อหนึ่ง ส่วนในภาพกล้องวงจรปิด น้องคนโตจะไปว่ายน้ำ ตนอุ้มน้องคนเล็กมา เพื่อจะไปเอาชุดว่ายน้ำที่รถ ตอนนั้น Messenger ยังไม่ได้มา ตนยืนยันไม่ได้เอานาฬิกานายจ้างไปอย่างแน่นอน






กำลังโหลดความคิดเห็น