นครสวรรค์ - สลดเซ่นพิษรักล่ม..เฒ่าวัย 60 เศษเมาแล้วโหดประเคนทั้งแข้ง เข่า ศอก จนเมียสาวทนไม่ไหวขอเลิกราไปมีรักใหม่ พยายามตามง้อไม่สำเร็จ ชักปืนจะยิงทิ้ง โดนแย่งปืนไปได้ยังไม่หยุด กลับไปคว้ามีดกระซวกอดีตคนรักร่างพรุนดับสยองคาร้านพวงหรีด
วันนี้ (3 มี.ค. 66) พ.ต.ท.วุฒิ คงชื่น รอง ผกก.สืบสวน สภ.ท่าตะโก ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดทำร้ายสาวลูกจ้างร้านรับทำพวงหรีด “ต่อดอกไม้” เสียชีวิต บริเวณริมถนนเส้นทางสายท่าตะโก-นครสวรรค์ เขตเทศบาลท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ จึงนำชุดสืบสวนในสังกัดเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่กู้ภัยท่าตะโก
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหญิงสาวนอนจมกองเลือดกองใหญ่อยู่ที่บริเวณหน้าร้าน ในสภาพร่างกายมีร่องรอยบาดแผลถูกอาวุธมีดทิ่มแทงทั่วร่างกายหลายแห่ง ทั้งบริเวณคอ แขน และหน้าท้อง รวมกัน 15 แผล ซึ่งทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ น.ส.สำอางค์ แป้นจั่น อายุ 38 ปี
แพทย์เวรจึงได้ร่วมกับกู้ภัยในการชันสูตรตรวจสอบศพก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ จนทำให้ทราบตัวผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นแฟนเก่าของผู้ตาย คือ นายจรัส อ่อนนวล อายุ 61 ปี โดยหลังจากที่คนร้ายก่อเหตุได้เดินออกจากร้านหลบหนีไป ซึ่งมีหลักฐานเพิ่มเติมเป็นภาพกล้องวงจรปิดในช่วงก่อเหตุ
จากการสอบถาม น.ส.อัจฉราพร พูลทอง อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทคนตาย เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นฉากๆ ว่า ผู้ตายเคยคบหาอยู่กินกับนายจรัส ผู้ก่อเหตุมาได้ช่วงหนึ่งก่อนจะเลิกรากันมาได้ประมาณ 5-6 เดือน และผู้ตายก็ได้มีแฟนคนใหม่แล้ว ส่วนนายจรัสยังคงมูฟออนกับรักครั้งนี้ไม่ได้ จึงเทียวมาหา และพยายามมาง้อขอคืนดีอยู่เรื่อยๆ
ก่อนที่จะมาเกิดเหตุการณ์สลด นายจรัสได้ว่าจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้มาส่งที่ร้านทำพวงหรีดที่ผู้ตายทำงานอยู่ถึง 3 รอบก่อนที่นายจรัสจะตัดสินใจใช้มีดที่พกมาปรี่กระซวก น.ส.สำอางค์ อย่างโหดร้ายป่าเถื่อนต่อหน้าต่อตาผู้คนอื่นๆ ที่ทำงานอยู่ภายในร้าน
“รอบที่สามที่นายจรัสมาหาพี่สำอางค์ คนทั้งร้านรวมถึงนายจ้างเห็นคาตาเลยว่าพกปืนมาด้วย และพยายามจะชักออกมายิงพี่สำอางค์ แต่จังหวะนั้นพี่สำอางค์แย่งปืนได้ แล้วก็รีบส่งมาให้ฉันเอาไปให้เจ้าของร้านรีบเก็บเข้าไปในร้านเพื่อป้องกันตัว แต่ก็ยังไม่วาย เพราะนายจรัสดันมีไม้สอง เดินไปหยิบมีดที่มันซ่อนอยู่ในกระเป๋าย่าม แล้วรีบนำมาไล่แทงพี่สำอางค์ทันที ซึ่งตอนนั้นฉันเห็นอีกทีพี่สำอางค์ก็โดนแทงเลือดสาดท่วมตัวไปหมดแล้ว”
เมื่อถามถึงชนวนเหตุที่ทำให้นายจรัสและนางสำอางค์รักล่มมาก่อนหน้านี้ น.ส.อัจฉราพรระบุว่า เป็นเพราะในช่วงที่นายจรัสและ น.ส.สำอางค์ อยู่ด้วยกันนั้น นายจรัสมักจะชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย น.ส.สำอางค์อยู่เสมอ จนเขาทนไม่ได้จึงขอเลิกและแยกทางกันไป
ซึ่งมันก็ผ่านเวลามานานเป็นปีแล้ว แต่นายจรัสเขายังคงมูฟออนไม่ได้ ก็พยายามมาง้อขอคืนดี แต่ น.ส.สำอางค์ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่ายังไงก็ไม่ยอมกลับไปเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายร่างกายซ้ำๆ แบบเดิมอีก แล้วอีกอย่าง น.ส.สำอางค์ก็มีคนรักใหม่ไปแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมกับนำอาวุธปืนลูกซองของนายจรัสที่ถูกแย่งได้นำมาตรวจสอบยังโรงพัก ส่วนตำรวจฝ่ายสืบสวนกระจายกำลังกันตามไล่ล่าตัวนายจรัสอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นกัน
ด้าน นางมณี แป้นจันทร์ อายุ 68 ปี มารดาของ น.ส.สำอางค์ ได้เดินทางมายังโรงพัก พร้อมกับเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรีบจับตัวนายจรัสมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะหากยังลอยนวลต่อไปเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากก่อนหน้านี้นายจรัสเคยข่มขู่เอาไว้ว่าจะฆ่ายกครัว จึงหวาดระแวงว่าจะวนเข้ามาก่อเหตุร้ายอีก
เมื่อถามถึง น.ส.สำอางค์ บุตรสาวที่เสียชีวิต นางมณีระบุว่า เดิมที น.ส.สำอางค์มีลูกติดเป็นเด็กหญิง 2 คน วัย 17 ปี และวัย 12 ปี เมื่อเลิกรากันสามีคนแรกก็มาคบหาอยู่กินกับนายจรัสได้ไม่นานก็มีปัญหาทะเลาะกันอยู่เรื่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่นายจรัสมักจะชอบดื่มเหล้าหัวราน้ำ เมื่อเมาหนักได้ที่ก็จะสวมวิญญาณป่าเถื่อนโหดร้าย
“มันไม่ได้เถื่อนแบบตบจูบนะ แต่เถื่อนระดับประเคนแข้ง หมัด เข่า ศอก หรือแม้แต่อะไรที่อยู่ใกล้ตัวก็หยิบมาทำร้ายลูกสาวฉันได้หมด ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ลูกสาวต้องตัดขาดเลิกราก็เพราะโดนทำร้ายหนักถึงขั้นเลือดอาบมาแล้ว แต่ยังมีหน้าจะมาขอคืนดีอีก ฉันจึงไม่ยอมให้ลูกสาวกลับไปคืนดีอีกเด็ดขาด แต่นายจรัสก็ยังมาถึงบ้าน แถมยังมาขู่ฆ่ายกครัวอีกด้วย ซึ่งฉันไม่กลัว ถ้ามาก็จะสู้ให้ตายไปข้างหนึ่ง แต่ที่ห่วงก็คือหลานจะได้รับเคราะห์ไปด้วย จึงขอให้ตำรวจรีบจับตัวให้ได้โดยด่วน”