MGR Online - ผู้เสียหายร้องผบ.ตร.ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินสูญกว่า 90 ล้าน ตั้งแต่ปลายปี 2564 แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า อีกรายถูกหลอกลงทุนกู้ยืมซื้อบ้าน-คอนโด ปิดบัตรเครดิต สูญเงินนับ 10 ล้านบาท
วันนี้( 3 มี.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตัวแทนผู้เสียหายนับสิบคน เดินทางมายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเงินตั้งแต่ปี 2564 แต่คดีไม่มีความคืบหน้า โดยมีพ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายยศวินทร์ เพียรพิทักษ์ ตัวแทนของผู้เสียหาย เปิดเผบว่า ตั้งแต่ปลายปี 2564 มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยอดความเสียหายที่รวบรวมได้กว่า 90 ล้านบาท มีผู้เสียหาย 166 คน ได้มีการรวมตัวกันเพื่อยื่นเรื่องให้บช.สอท. เป็นผู้ทำคดี เพราะก่อนหน้านี้ทางสอท. ไม่รับทำคดีให้โดยอ้างคำสั่งตร.ที่ 287 และคำสั่งตร.ที่ 77 ต่อมาสามารถรวบรวมผู้เสียหายได้เกินจำนวนที่ทางคำสั่งตร.ระบุไว้ และมียอดความเสียหายเกินจำนวน และได้เคยมาร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีคอลเซ็นเตอร์แบบบูรณาการ เมื่อ 25 มี.ค. 2565 ต่อมาทางชุด PCT 5 ได้เข้าจับกุมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจากแผนประทุษกรรม และชื่อคนร้ายที่อ้างอิงเหมือนกับคดีของผู้เสียหายในกลุ่มมากกว่า 50 คน แต่ทางตร.ก็นิ่งเฉยไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความคืบหน้าทางคดี ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้กับผู้เสียหาย คดียังคงค้างอยู่ที่สภ./สน. ซึ่งมีขีดความสามารถจำกัดในคดีที่มีรูปแบบที่ซับซ้อน ไม่มีการประสานงานกันและไม่มีศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลซึ่งบางคดีได้มีการอายัดเงินในบัญชีไว้ได้แต่ก็ไม่ได้ประสานปปง. เพื่อติดตามเส้นทางการเงินอย่างจริงจัง
นายยศวินทร์ เปิดเผยอีกว่า ทางนี้ทราบว่าได้มีการอายัดทรัพย์สินของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไว้ได้หลายรายการเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มของผู้เสียหายคดีได้กระจายอยู่ตามแต่ละพื้นที่ จึงอยากขอให้ผบ.ตร. ได้ตั้ง สอท. หรือตำรวจ PCT เพื่อประสาน ขอนำคดีของผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามารวมเป็นคดีเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการขยายผลและความเชื่อมโยงทางการเงินของบัญชีม้า ซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้อาจจะมีความเกี่ยวพันโยงใยกับแก๊งตู้ห่าว และขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาร่วมทำคดี เพื่อนำทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้เฉลี่ยคืนเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อน
นอกจากนี้อีกคดีนายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้พาตัวแทนผู้เสียหายมาร้องขอความเป็นธรรมกับผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการหลอกลวงฉ้อโกง ทำทีปิดบัตรเครดิตหลอกลวงให้เป็นหนี้ มีผู้เสียหายกว่า 10 คน มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท
น.ส.พรประภา เอกภพธาริน ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่กลางปี 2565 ได้รู้จักกลุ่มดังกล่าวจากเพจเฟซบุ๊กประเภทรับปิดหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยเหลือคนจน สุดท้ายแล้วเป็นการล่อลวงหลอกให้มากู้ซื้อคอนโด ซื้อบ้าน โดยตนถูกน.ส.กวาง หลอกลวงในเรื่องคอนโดเงินเหลือเงินเกิน เพื่อต้องการเงินไปช่วยเพื่อน 3 คน ที่อยากจะเคลียร์หนี้บัตรเครดิต ซึ่งน.ส.กวางได้เสนอตัวอ้างว่าสามารถเคลียร์หนี้ให้ได้ เมื่อเราหลงเชื่อก็เริ่มมีการเก็บเอกสารต่างๆ และอ้างว่าต้องปิดหนี้บางส่วน ก่อนจะชักชวนให้ตนออกทุน เป็นนายทุนปิดหนี้ให้กับลูกค้า โดยเสนอผลประโยชน์เกินจริง เช่น 10 วันจะให้ผลตอบแทน 5 % รวมมูลค่าความเสียหายที่ตนถูกหลอกไป 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ มีผู้เสียหายบางคนเคยจะไปแจ้งความที่สน.สายไหม แต่ทางตำรวจแจ้งว่าให้คิดให้ดีๆ เพราะไม่มีใครเอาผิดได้ เพราะมีการโชว์นามบัตรของข้าราชการระดับสูง