MGR Online - ตำรวจ ปอศ.รวบพนักงานออฟฟิศถูกจ้างเป็นนอมินีนั่งเก้าอี้ผู้บริหารบริษัท เบี้ยวส่งงบการเงินประจำปีให้สำนักงาน กลต. ซ้ำยังเมินจ่ายค่าปรับ 1.8 ล้านบาท
วันนี้ ( 22 ก.พ. ) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ธีรภาพ ยั่งยืน ผกก.กก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว.กก.3 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม นายอรรถวัต (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 344/2566 ลง 2 ก.พ.66 ข้อหา “ร่วมกันไม่จัดทำและไม่นำส่งงบการเงินประจำปี และไม่จัดทำและนำส่งรายงานประจำปี” ได้บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงและเขตบางนา กทม.
พ.ต.อ.ธีรภาพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีตัวแทน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เข้าแจ้งความเอาผิด นายอรรถวัต ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีฐานะเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่กลับไม่ยอมจัดทำงบการเงินและนำส่งรายงานทางการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นายอรรถวัต นั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงพนักงานบริษัท ของบริษัทดังกล่าว ที่ถูกชักชวนและลวงให้มาเป็นกรรมการบริษัท โดยให้สัญญาว่าจะรับผลประโยชน์มากขึ้น โดยไม่ต้องทำงาน เสมือนเป็นผู้บริหารในนามนอมินี แต่ด้วยเพราะเจ้าตัวไม่เคยไปทำงานและไม่ทราบหน้าที่ในการบริหารของบริษัท เป็นเหตุให้บริษัทได้ทำการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษปรับรายวันและปัจจุบันได้ตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทฯ ยังฝ่าฝืน และยังไม่ได้ดำเนินการเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งมีโทษปรับมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านบาท หลังรับเรื่องจึงมีการออกหมายเรียกไปยังนายอรรถวัต ถึง 2 ครั้ง แต่นายอรรถวัต กลับเพิกเฉย จนนำมาสู่การออกหมายจับและตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นายอรรถวัต ให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ธีรภาพ กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปพี่น้องประชาชนทุกคนให้ทราบว่าหากมีผู้ใดมาชักชวนเป็นกรรมการบริษัทหรือผู้มีอำนาจลงนาม ควรศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและขอย้ำเตือนว่า บริษัทมหาชนมีหน้าที่ต้องจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยให้ปฏิบัติตรงตามระยะเวลาที่กำหนด หากเพิกเฉยถือเป็นความผิดทางอาญา ทั้งบริษัทหรือผู้ประกอบกิจการในนามนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทดังกล่าว ประกอบกิจการ หินแร่ พลังงานต่างๆ ที่ประเทศจีน และอินโดนีเซีย ต่อมาจะมีการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และ สร้างราคาหุ้นให้พุ่งสูงขึ้น ก่อนจะมีการทำเรื่องกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมวงเงินกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งระหว่างที่ทำเรื่องกู้เงินสถาบันการเงินนั้น ทางบริษัทดังกล่าวยังได้ใช้ใบตราส่งสินค้าเท็จ มาเป็นหลักฐานในการขอเบิกเงินกู้จากธนาคารแต่ละครั้ง รวมถึงมีการตกแต่งบัญชี การปกปิดซ่อนเร้นข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จนสร้างความเสียหายต่อสถาบันการเงิน ตลอดจนผู้ลงทุนในตลาดทุนเป็นอย่างมาก ซึ่งมีการฟ้องร้องคณะกรรมการบริษัทจนกลายเป็นคดีความอยู่ในชั้นศาลหลายคดี และ มีบางสำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนยังพบว่า หลังกรรมการชุดเดิมของบริษัทถูกดำเนินคดี ก็ได้มีการตั้งพนักงานในบริษัทให้ขึ้นมาเป็นคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ประกอบด้วย นายอรรถวัต รอดแพทย์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหารายนี้ และ พวก รวมประมาณ 3-4 คน โดยที่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ต้องมาทำงานหรือบริหารงานของบริษัท คล้ายกับลักษณะของนอมินี แต่ด้วยความที่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่ผู้บริหารตัวจริง จึงทำให้ไม่รู้เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทมหาชน และไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมา ทางบริษัทไม่เคยจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และ ความผิดทางอาญา จนเป็นเหตุให้มีการแจ้งดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 3-4 ราย และนำมาสู่การตามจับกุมตัว นายอรรถวัต ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดใหม่ดังกล่าว