ยังไม่จบศึกผู้โดยสารคนขับรถตู้ หลังจอดแชร์ป้ายรถเมล์นาน จนเกิดการโต้เถียงจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ลงมาตบกันข้างถนน ตำรวจสภ.บางใหญ่ เรียกไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายแต่ตกลงกันยังไม่ได้
จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 6” โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า “วินรถตู้จอดแช่รอผู้โดยสาร...มีวิวาทะกับผู้โดยสารจนถึงขั้นตบกัน...รถตู้สาธารณะตบผู้โดยสาร ถถถ ปมเหตุทะเลาะต่อว่าคนขับรถตู้จอดนานแช่ป้ายรถเมล์รอรับผู้โดยสารนาน
วันนี้( 15 ก.พ.)เมื่อเวลา 16.30 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่สภ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าว พบนายตรีชฎา พิชญะนันต์สกุล อายุ 35 ปี (เสื้อสีดำ) พนักงานขายบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (ผู้ถ่ายคลิป) กล่าวว่า หลังจากที่ถ่ายคลิปตนลงจากรถตู้ไปถ่ายทะเบียนรถและเดินไปหาคนขับก่อนจะเปิดประตูรถเขา เขาพยายามจะเอาเท้าถีบเพราะนั่งอยู่บนรถตู้ ตนเลยดึงเขาลงมาและเขาพูดว่า “งั้นขอกูทีเถอะมึง” และก็รุมกันเลยประมาณ 3-4 นาที พลเมืองดีก็มาช่วยห้าม รถก็บีบแตร จากนั้นตนเดินออกไปหลบรถแต่ไม่ได้หนี คู่กรณีก็เดินตามมาถ่ายคลิป ตนเลยปัดมือออกและบอกไม่ต้องถ่าย ตอนนั้นโทรศัพท์เขาน่าจะร่วง และตนก็บอกว่ากำลังโทรเรียก 191 ทางป้าคู่กรณีก็ไปพูดกับร้านค้าแถวนั้นว่า “มีน้ำร้อนมั้ยจะเอามาสาดมัน” ขู่ตนอีกรอบ ถ้าตรงนั้นมีน้ำร้อนตนคงโดนสาดไปแล้ว หลังจากตบเสร็จก็กะว่าจะมาคุยที่โรงพักแต่ป้าไม่จบ เดินตามมาด่าตนเสียๆหายๆ เมื่อวานพอมาโรงพักตำรวจบอกต่างคนกำลังร้อนยังไม่คุยรอให้ต่างคนต่างเย็นก่อน เมื่อวานตนถามตำรวจว่าป้ายังไง เพราะตนโอเคอยากจบ ต้องหยุดงาน และถ้าตนต้องไปขนส่งก็เสียเวลา ไม่ยอมแล้วได้อะไรขึ้นศาลก็เสียเวลา อาจจะโดนค่าปรับหรือชดใช้ จะให้ชดใช้เลยมั้ยก็คุยได้ ตนไม่เห็นว่าโทรศัพท์เขาพังหรอก เขาเอามาถ่ายคลิปตนก็ปัดออก 3 ครั้งมันเลยตก ตนไม่รู้หรอกว่าตกและพังหรือไปทำให้มันพังเอง ตนเจ็บขนาดนี้ป้าคู่กรณียังบอกว่าตนตบตัวเอง ข่วนตัวเองไม่ได้มาทำอะไรตนเลย ตนไปตรวจร่างกายเมื่อวานมันมีหมดว่าทำแผลอะไร ใครจะมาตบตัวเอง เรื่องจะไม่เกิดเลยถ้าไม่จอดแช่ ตนไม่รู้จักเขา ตนอยากกลับบ้านเร็วถึงขึ้นรถตู้เพราะไม่จอดทุกป้ายเหมือนรถเมล์ ปกติจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้ามาถึงหน้าบีบีมันใช้เวลาแค่ 10-15 นาทีเอง เมื่อคืนมาถึงหน้าบีบีตอน 21.07 น. ตนอยู่ตรงนั้นถึง 21.27 น. รถไม่ออก ตนก็ถามว่าทำไมรถยังไม่ออก รถคะนที่ออกมาทีหลังมาถึงหน้าบีบี ป้าคู่กรณีเปิดกระจกลงแล้วไปบอกให้คันที่ตามมาไปก่อนเลย บอกว่ารถเขาไม่เต็มเหลืออีก 5 คน และป้าก็จอดแช่จน 21.30 น. แล้ว ตนจะลงแค่ปากซอยวัดลาดปลาดุกเอง แต่ใช้เวลาจอดอยู่ตรงหน้าตลาดบีบีครึ่งชั่วโมง ทั้งที่ก็ไม่มีวินคะนอื่นทำแบบนี้ ตนคิดว่าป้าคู่กรณีก็ไม่ใช่คนขับรถตู้คันนี้ ถ้าใช่ตนขอดูเอกสารหน่อยว่าเป็นคนขับคันนี้ มีใบอนุญาตจริง ปกติในรถต้องมีรูปคนขับพร้อมใบอนุญาตแต่ตนดูแล้วมันไม่มี ตนก็ติดใจในเรื่องนี้
ตนโทรไปแจ้งขนส่งเขาบอกว่ารับเรื่องแต่ให้ตนเข้าไปหาเพราะเรื่องมันร้ายแรงต้องเข้าไปคุยกัน หัวหน้าวินรถตู้โทรหาตนเมื่อคืนว่าให้มาคุยกับป้าคู่กรณีก่อนจะไปขนส่ง ตนไม่ได้ติดใจที่จะเอาเรื่อง ตนก็เจ็บเขาก็เจ็บ ต่างคนต่างทำงาน ยืนยันไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ไม่เคยแค้นมาก่อน มันเกิดเรื่องเพราะเขาจอดรถแช่บอกให้ไปก็ไม่ไปซักที ตามในคลิปที่ดูคือเขาไม่พูดไม่จา ไม่ขยับรถใดๆ จนผู้โดยสารอีกคนตะโกนบอกเจ๊ไปได้แล้วหนูปวดท้อง เขาก็ไม่ขยับ ก่อนคลิปจะตัดเขาก็พูดว่า “ทำไมต้องเชื่อ” เขาก็ตั้งใจกวนนั่นแหละ คือถ้าคนขับมีจิตใจที่ดี ไม่ได้ว่าทุกคน มีคันนี้ที่ตนเจอเป็นแบบนี้ ตนขึ้นรถตู้ประจำเพราะทำงานอยู่ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า นั่งเกือบทุกวันเลย นั่งรถตู้มาเป็นสิบปีก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตนไม่เคยเจอป้าหรืออาจจะไม่ได้สังเกตุ แต่วันนี้มันนานเกินไป คตนเลยมองหน้าเขา ประเด็นที่มองหน้าเพราะมันมีเรื่องมาก่อนหน้านี้คือผู้โดยสารที่นั่งข้างหน้าเขาปิดประตูแรงเสียงดัง ป้าก็พูดจาไม่ค่อยดี และบางคนสอบถามถึงค่ารถป้าก็นินทาตอนลูกค้าลงจากรถไปว่า “ทำไมขึ้นรถมาไม่อยากจะเตรียมเงินจ่าย” คือตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ ตนนั่งดูนาฬิกาตลอดเพราะเมื่อคืนวันวาเลนไทน์ตนอยากรีบกลับบ้าน คือรอซักพักแล้วรถตู้ไม่ออกซักทีเลยได้พูดไป ตนได้รับบาดเจ็บตรงแขน ตรงใบหน้า และคอ ตอนที่ตบกันใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที เขาก็ตัวจี๊ด อายุเยอะแล้วไม่งั้นคงไม่มีเรื่องกับกระเทยหรอก อันนี้ในความคิดของตน คงตัวแรงตัวนึง ตนไม่ติดใจอะไรตบแล้วจบ อยากให้ป้าเอาไปพิจารณาตัวเอง ทางวินรถตู้บอกกับตนว่าให้ป้าออกแล้วไม่ได้ให้ขับรถแล้ว ตนคุยกับทางวินตนก็บอกว่าเข้าใจในกรณีจอดแช่ที่วินเพื่อรอรถเต็ม แต่ตรงนี้เป็นจุดจอดรับส่งไม่ควรจอดนานแบบนี้ ส่วนตนจะขอเรียกร้องทำหน้าใหม่เลย เพราะหน้ามีรอยแผลเป็น จำนวน 50,000 บาท และชดเชยค่าเสียเวลาในการทำงานอีก 50,000 บาท อยากให้ทางขนส่งช่วยตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะกับคู่กรณี และตรวจสอบวินรถตู้ดังกล่าวด้วย
ด้านน.ส.ดวงกมล ดิษฐ์สอน อายุ 27 ปี ลูกสาวผู้บาดเจ็บ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุวันที่ 14 ก.พ. 66 เวลา 21.30 น. ในตอนเกิดเหตุตนนอนหลับอยู่ ทางคุณแม่ก็ได้ส่งรูปที่ได้รับบาดเจ็บตอนโดนทำร้ายมาให้ตน ตอนตื่นมาตนเห็นจึงได้โทรศัพท์หาแม่ให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางแม่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าทางลูกค้าคนดังกล่าว ได้มีปากเสียงกับแม่เรื่องจอดรอรับลูกค้าบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบีบี บางใหญ่ แล้วมีปากเสียงกัน และมีการถ่ายคลิปตามลงบนโซเชียล แต่ตัดตอนที่เขาทำร้ายร่างกายคุณแม่ของตน ทางแม่ได้เล่าว่า ลูกค้าได้เดินลงจากรถตู้และถ่ายรูปรถตู้ ก่อนจะเดินมาบริเวณประตูคนขับแล้วเปิดประตูทำให้มีการฉุดกระชากลากแม่ของตนล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะขึ้นค่อมและทำร้ายร่างกายแม่ตนโดยการต่อยขณะที่ไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งคุณแม่สู้ไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้รับบริเวณทั่วใบหน้า ใต้ตา และมีอาการจุกที่ท้องอยู่ตอนนี้ ความรู้สึกตนตอนที่ทราบเรื่องคืออยากจะไปช่วยแม่ตอนที่เกิดเหตุให้ทัน ตอนนี้ตนคุยกับคุณแม่ของตนก็พูดจาแบบไม่มีเสียง ตนสงสารเพราะอายุคุณแม่ 54 ปี แล้ว ตั้งแต่คุณแม่ขับรถมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน ตอนนี้ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะว่าทางคู่กรณีนำเรื่องไปโพสต์ลงโซเชี่ยล ชาวเน็ตก็มาแสดงความคิดเห็นต่อว่าแม่ของตนทั้งๆที่ยังไม่ฟังความทั้งสองฝ่ายก่อน อยากจะถามถึงคนที่ทำร้ายร่างกายแม่ตนว่า ถ้าตนไปทำกับแม่คุณบ้างแล้วเขาจะรู้สึกยังไงแม่ใครใครก็รัก
นางอภิญญา พี้กระทุ่ม อายุ 54 ปี ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนขับรถตู้ออกจากวินมามีผู้โดยสารลงหน้าบีบีบางใหญ่ คนมันไม่ค่อยมีเลยจอดแช่แปบนึงคู่กรณีเขาก็ไม่พอใจ ทั้งที่ไม่ได้แช่นาน ถ้าจะนานตนต้องรู้เพราะเกรงใจ ตนนั้นมีผู้โดยสารประมาณ 5-6 คน คู่กรณีนั่งอยู่แถวกลางและก็เปลี่ยนมานั่งแถวหน้าและหาเรื่อง เขาบอกกับตนว่า “มำไมไม่ออกรถ จอดอยู่ทำไมมันไม่ใช่ที่จอด มันที่รับส่งผู้โดยสารมาจอดทำไม ตนจอดข้างถนนประมาณ 5 นาที และไปจอดข้างบนตรงที่จอดประมาณ 8-9 นาที ตอนนั้นมันมีรถไทรน้อยไปก่อนหน้าตน 2 คัน ตนเว้นระยะเพื่อให้มันมีผู้โดยสาร ช่วงนั้นตนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีคนหรอก ต้องรอ 4 ทุ่มห้างเลิก ตนวิ่งรถทุกวันซึ่งรู้อยู่ วันนี้ตำรวจนัดมาแต่ตนยังไม่ได้คุยจะทำอะไรต้องปรึกษาลูกก่อน เขาเดินลงจากรถไม่ปิดประตูตนเลยหันไปบอกผู้โดยสารให้ปิดประตูรถให้หน่อย ซึ่งคู่กรณีลงมาถ่ายทะเบียนรถตนด้านหน้า และเดินมาเปิดประตูรถถามตนว่าจะขับรถมั้ยถ้าไม่ขับก็ลงมาและดับเครื่องรถตน คว้าโทรศัพท์เขวี้ยงใส่รถเพราะตนจะถ่ายรูปคู่กรณีแต่เขามาปัดมือโทรศัพท์หล่น 3-4 รอบ ตนเจ็บหมดทั้งตัว ที่หน้าคือโดนคู่กรณีต่อย ประมาณ 3 นาที แค่นั้นตนก็จะตายแล้ว และคู่กรณีก็ดึงตนหล่นลงรถไปทั้งที่ตนนั่งอยู่ ตนไม่มีทางสู้เลย
นางอภิญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขอเรียกร้อง 4 ข้อ 1.เรียกเงินค่าทำขวัญ จำนวน 20,000 บาท 2.ซื้อหูฟัง Airpod ที่หายไปคืน 3.โทรศัพท์มือถือที่ได้รับความเสียหาย 1 เครื่อง 4.โพสต์ขอโทษผ่านสื่อด้วย ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เบื้องต้นหลังจากการเจรจาไกล่เกลี่ยนานกว่า 30 นาที ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป