สาวการบินร้องทนายรณณรงค์ ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโหลดแอป สุดท้ายถูกดูดเงินสูญเงินกว่า 1 แสนบาท
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 2 ก.พ. 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อกำหนดความปลอดภัยการบิน เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อให้ช่วยเหลือหลังตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โหลดแอปความปลอดภัยของธนาคารแห่งหนึ่งในโทรศัพท์มือถือแล้วแฮ็คข้อมูลของตนภายในเครื่อง ไปแจ้งขอเปลี่ยนยอดวงเงินในบัตรเครดิตจากธนาคารเป็นเงินสดแล้วโอนเข้าบัญชีมิจฉาชีพสูญเงินกว่า 110,000 บาท ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้เป็นคนไปทำธุรกรรมในเรื่องดังกล่าวกับธนาคารเลยกับถูกบังคับให้ชำระหนี้ จึงเดินทางมาให้ทางทนายช่วยเหลือในเรื่องคดีความ
น.ส.บี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ขณะที่ตนทำงานอยู่ได้มีข้อความของธนาคารส่งเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ ระบุว่า มีการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติในแอปธนาคารของคุณ หลังจากน้้น ไม่ถึง 2 นาที่ ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารโทรศัพท์เข้ามาหาสอบถามเรื่องดังกล่าวและบอกกับตนว่าบัญชีของตนน่าจะมีคนร้ายพยายามเข้ามาโจรกรรมเงินในบัญชี เพื่อความปลอดภัยให้ตนเข้าไปโหลดแอปความปลอดภัยของธนาคารชื่อ Ksecurities ที่ทำขึ้นมาใหม่ในเพลย์สโตร์ ด้วยความตกใจจึงรีบทำตามเข้าไปโหลดแอปดังกล่าวมาใช้ แต่ปรากฏว่า โทรศัพท์มือถือค้างอยู่ที่หน้าดังกล่าวไม่สามารถทำอะไรได้เลย จึงไปปรึกษาพี่ที่ทำงานด้วยกันก็บอกว่าตนน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกและแฮ็คข้อมูลในโทรศัพท์ไปแล้ว ให้รีบไปกดเงินออกจากบัญชี จึงรีบวิ่งไปกดเงินที่ตู้เอที่เอ็มตอนนั้นคิดว่าโชคดีที่กดเงินออกจากบัญชีมาได้ก่อนที่จะถูกขโมยเงินไป ก่อนจะเอาเครื่องโทรศัพท์ไปติดต่อกับธนาคารดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของธนาคารได้ตรวจสอบและแก้ไขให้พร้อมบอกกับตนว่า เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีความก้าวหน้าไปมากขนาดทำแอปหลอกของธนาคารไปอยู่ในระบบโหลดของโทรศัพท์ได้ และแก้ไขข้อมูลในเครื่องโทรศัพท์จนกลับมาทำงานตามปกติ
แต่หลังจากนั้น ไม่นานก็มีข้อความจากธนาคารอีกแห่งที่ตนเปิดบัญชีไว้ส่งข้อความเข้ามาที่เครื่อง ระบุว่า มีการถอนเงินออกจากบัญชี จำนวน 1,400 บาท จนเหลือยอดแค่ 4 บาท สักพักก็มีอีกข้อความเข้ามา ระบุว่า มีเงินโอนเข้าบัญชี 110,000 บาท ก่อนจะมีข้อความเข้ามาอีกครั้งว่ามีการถอนเงินจำนวน 110,000 บาท ตอนนั้นตนก็งงว่ามีเงินจากไหนเข้ามาตั่ง 110,000 บาท ก็คิดว่าคงเป็นมิจฉาชีพอีกจะหลอกให้ตนโหลดแอปอีกแน่ จนมาคิดได้ว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นยอดเงินที่เหลืออยู่ในบัตรเครดิตซึ่งทางธนาคารได้ทำวงเงินไว้ให้จำนวน 200,000 บาท และตนใช้รูดซื้อสินค้าไป 90,000 บาท จึงรีบเดินทางไปที่ธนาคารดังกล่าวเพื่ออายัดบัญชีแต่ก็ไม่ทันจึงแจ้งเรื่องให้ทางธนาคารทราบว่าตนไม่ได้เป็นคนเข้ามาทำธุรกรรมดังกล่าวก่อนเดินทางไปแจ้งความที่สน.พหลโยธิน
หลังจากน้ั้น ประมาณ 1 เดือน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าให้ตนชำระยอดเงินดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้บอกไปแล้วว่าตนไม่ได้เข้าไปทำธุรกรรมด้วยตนเองทำไมธนาคารถึงได้เปลี่ยนแปลงจากยอดเครดิตซื้อสินค้าเป็นเงินสดจนถูกคนร้ายเอาเงินไปได้ จึงตัดสินใจนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาร้องเรียนกับทนายให้ช่วยเหลือ
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้ จะรวบร่วมพยานหลักฐานของผู้เสียหาย ทั้งใบแจ้งความ การขออายัดบัญชี นำไปมอบให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.เพื่อให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ อยากฝากบอกเตือนประชาชนอย่าได้กดรับลิ้งค์หรือไปโหลดแอปอะไรที่ส่งเข้ามาหาในโทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพวกมิจฉาชีพทั้งนั้น