รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 24 มกราคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ ครูบาไก่ เจริญพวงต่อไป สำนักพุทธไร้น้ำยา
ครูบาไก่ หรือพระครูสุวิทย์ ชินวโร ประธานที่พักสงฆ์ วัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กำลังอื้อฉาวหนัก สภาพการณ์เทียบเคียงแล้ว ก็คล้ายกรณีของ “พระกาโตะ” ก่อนจะโดนสึก ยังไงยังงั้น
คือก่อเรื่องระดับปาราชิก ทั้งเสพกาม ทั้งยักยอกเงินวัด มีหลักฐานพวกภาพลับ แชทไลน์ แทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว
แต่ที่ต่างกัน คือ ครูบาไก่ ไม่สนใจสีกาทรงสะบึมแบบพระกาโตะ แต่หันไปแชทลามกกับหนุ่มๆ ซะอย่างนั้น
มาถึงขั้นนี้แล้ว หาก ตำรวจ บก.ปปป. ที่ได้รับการแจ้งความและหลักฐานจากบรรดาอดีตลูกศิษย์ จะเดินหน้าสอบสวนอย่างจริงจัง แค่มุ่งประเด็นเส้นทางเงินที่รั่วไหล โอกาสของครูบาไก่ คือรอดยาก
และยังมีเรื่องทองคำหนัก 188 บาท ซึ่งครูบาไก่ระดมจากผู้มีจิตศรัทธา เพื่อเอามาสร้างพระไว้ประดับเรียงรายในโบสถ์สร้างใหม่ ก็ถูกผู้หมดจิตศรัทธา ตั้งข้อสงสัย ทองคำพวกนั้น ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ขณะที่ฝ่ายครูบาไก่ ก็ตอบโต้ ส่งทนายความแจ้งจับบรรดาอดีตลูกศิษย์ เอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หมิ่นประมาท ใส่ร้าย ว่ากันไป
พอเป็นคดีอาญาขึ้นมา คนที่ถือโอกาสลอยตัวก่อนเลย ก็คือ สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกาศหลักปฏิบัติ ต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุดก่อน กระบวนการของศาลสงฆ์ถึงค่อยเริ่ม
ฟังเหมือนมีหลักการดี แต่ในความเป็นจริง หากคดีสู้อาญากันครบ 3 ศาล อาจกินเวลาเกิน 10 ปี ตอนนั้น ผู้รับผิดชอบในการสอบสวนทางวินัยสงฆ์ อาจเกษียณไปเลี้ยงหลานแล้ว หรือลาโลกไปไหนต่อไหนแล้ว
เทียบกับการสอบสวนข้าราชการที่ไปก่อคดีอาญา ก็จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริง และการสอบสวนทางวินัยคู่ขนานไปด้วย ซึ่งก็จะรู้ผลก่อนคดีอาญา เพื่อดำเนินการทางใดทางหนึ่งไว้ก่อน เป็นการป้องกันความเสียหายไว้ก่อน
สำนักพุทธฯ ก็น่าจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันนี้ มิใช่หรือ?
ไม่ใช่โยนเผือกร้อนไปไกลๆ เพราะไม่อยากไปฝ่ากระแสศรัทธาของบรรดาลูกศิษย์พระ ที่มีแม่น้ำหนึ่ง เป็นสาวกเบอร์ต้นๆ
ครูบาไก่ มีการโพสต์ในเพจด้วยวลีคมๆ “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” เทียบตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าที่ถูกมารผจญ
แต่ในวัย 30 ปี เป็นพระหนุ่มที่เคี้ยวหมากให้ดูคล้ายพระแก่ ครูบาไก่ คงไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของ “สมีดังแห่งชาติ” อย่าง “พระยันตระ” รายนั้นก็เคยใช้วลีแบบนี้มาก่อน ตอนโดนร้องเรียน ครวญว่า “มารบ่มี บารมีบ่เกิด”
ภาพแต่งฆราวาส ซ้อนท้ายเจ๊ตสกีกับชายหนุ่ม ถือเป็น “หลักฐานแวดล้อม” ที่แรงเหนือกว่าภาพอื่นๆ มันบอกได้ดี ตัวตนของครูบาไก่ เป็นคนเช่นไร? ปลอมหรือไม่ปลอม
ส่วนภาพการส่ง “ของลับ” กับชายหนุ่มนั้น ก็ยังมีช่องทางให้ปฏิเสธเฉไฉได้ เพราะมันไม่ได้เห็นหน้าคนเป็นเจ้าของ
“แพร์รี่ไพรวัลย์” เห็นข่าวนี้ก็เหมือนอ่านออกปรุโปร่ง โพสต์ตั้งคำถามแสบๆ ถึงครูบาไก่ว่า “ภาพลักษณ์” ที่อยู่เบื้องหน้า กับ “ภาพลับ” ที่อยู่เบื้องหลัง ของท่าน คงจะต่างกัน
ประวัติความเป็นมาของครูบาไก่ มีสตอรี่เรื่องหูทิพย์ตาทิพย์ แบบว่าบอกตรงไหนมีพระโบราณฝังดินอยู่ พอชาวบ้านขุดก็เจอจริงๆ เล่นเอาผู้คนโจษขาน ดังกระหึ่มไปเลย
ทั้งที่หากคิดตามอย่างมีสติ อะไรแบบนี้เป็นเรื่องง่ายที่จะ “เซต” ขึ้นมา แบบเส้นผมบังภูเขา ซึ่งวิธีการนี้เป็นกลลวงการสร้างภาพศรัทธาอย่างหนึ่งที่ใช้มานานแล้ว ในวรรณกรรมเอกของอินเดีย เรื่อง “คนขี่เสือ”ก็ใช้กลลวงนี้เป็นบันไดขึ้นจากคนไม่รู้หนังสือกลายเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน
ช่วงหลัง พระหนุ่มหน้าใส ที่ไปตั้งท่านั่งบริกรรรมในถ้ำ ก็สามารถยกตัวเองเป็นครูบาได้แล้ว แถมข้ามภาค จากภาคเหนือ ไปโผล่ภาคอีสาน ภาคกลาง เป็นว่าเล่น
แค่ใช้กระบวนการสร้างภาพลักษณ์ ผ่านสื่อโซเชียล พระโนเนมก็มีชื่อเสียงในทางลัด ไม่ต้องสร้างสมบุญบารมีใดๆ แบบครูบา หรือเกจิอาจารย์รุ่นเก่าๆ
ชาวเนตเอง เมื่อเห็นหลักฐานภาพต่างๆ ก็มีสติพอจะตัดสินกันได้แล้ว ครูบาไก่ส่อเค้าจะเป็น “ครูบาทิพย์” เลยบุกไปคอมเมนต์กันในเฟซบุ๊คของครูบาไก่ กันแบบไม่เกรงใจ
เดี๋ยวนี้ มีพระขวัญใจตลาดล่างเยอะ ไม่เน้นศึกษาธรรมะ เน้นแต่โพสต์คำคม สร้างตัวตนผ่านโซเชี่ยลมีเดีย
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1