MGR Online - ดีเอสไอ เรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง 7 ราย พัวพันเส้นทางการเงินพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียน 1,000 ล้านบาท ด้าน “นอท กองสลากพลัส” เข้าชี้แจง 26 ม.ค.นี้
วันนี้ (19 ม.ค.) เวลา 11.00 น. ที่ห้องแถลงข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทน อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดี “กองสลากพลัส” ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตอนนี้มีการปฏิบัติการในพื้นที่อยู่ซึ่งก็เร่งรัดไปแล้ว และน่าจะมีความชัดเจนในเร็ววันนี้ แต่ตอนนี้ขอเป็นความลับไว้ก่อน เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้องและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตาม ขอรับรองว่าจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ในคดีของกองสลากพลัส มีกระแสข่าวว่า ทางดีเอสไอได้ตรวจสอบและเตรียมจะเข้าค้นก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการ จึงอยากทราบว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ดีเอสไอ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้เป็นอย่างไร
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า เรื่องขององค์กรก็เป็นเรื่องขององค์กร เรื่องของตัวบุคคลก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคล ตนเองจริงๆ ก็เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างก็รู้จักกันและให้ความเคารพกันเสมอมา แต่ในเรื่องขององค์กรถ้าหากมีใครกระทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด และทางดีเอสไอพร้อมที่จะให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ และเมื่อเช้านี้ก็ยังมีผู้แทนจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และเจ้าหน้าที่ ตม. เข้ามาให้ข้อมูลกับทางดีเอสไออย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า ดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ต่อมา ที่ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2) นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วันนี้ได้นัดหมายพยานทั้ง 7 ราย เข้าให้ถ้อยคำในคดีที่พบว่ามีการรับโอนเงินจากผู้ต้องหาในคดีพนันออนไลน์ ที่ถูกดีเอสไอบุกจับเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยวันนี้ทั้งหมดต้องเข้าให้ถ้อยคำ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มเดียวกับ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” ที่ถูกออกมาเรียกมาให้ถ้อยคำไปแล้ว
นายพงษธร ยังระบุว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้อยู่ในสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 288/2565 ที่จับผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และพบมีการโอนเงินไปให้หลายบุคคลโดยเฉพาะ นายพันธ์ธวัช ประมาณ 53 ล้านบาท ส่วนในกลุ่มทั้ง 7 คนนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งทุกคนต้องเข้ามาให้ถ้อยคำถึงที่มาของเงินดังกล่าว ว่า มีที่มาจากธุรกิจอะไรบ้าง และจากหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีอยู่ เชื่อได้ว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็นผู้รวบรวมบัญชีม้า ซึ่งเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ส่วน นายพันธ์ธวัช ที่เข้ามาให้ถ้อยคำไปแล้ว ได้ขอเลื่อนนำเอกสารทางการเงินมาให้ในวันที่ 26 ม.ค.นี้
“ขณะเดียวกัน จากการสืบสวนยังพบว่า นายพันธ์ธวัช รับโอนเงินจากกลุ่มที่ทำธุรกิจต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายอีก 39 เส้นทางการเงิน เป็นเงินกว่า 1,090 ล้านบาท ดีเอสไอได้ตั้งคดีพิเศษสืบสวนใหม่อีกคดี คือ คดีพิเศษที่ 6/2566 เนื่องจากพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาที่ นายพันธ์ธวัช ผิดปกติ และน่าสงสัยว่าเป็นเงินที่ได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย”
นายพงษธร ระบุอีกว่า ส่วนในกลุ่ม 7 คน ที่ถูกออกหมายเรียกหนึ่งในนั้นคือ นายกฤษ ชลราธรทรัพย์ หุ้นส่วนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ส่วนผู้ที่ไม่เข้ามาให้ถ้อยคำในวันนี้ พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาขอศาลออกหมายจับในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) เนื่องจากได้ขอเลื่อนเข้าให้ถ้อยคำตามหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว
นายพงษธร ระบุต่อว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เข้าไปตรวจค้นที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่สืบสวนพบว่าเป็นที่พักของกลุ่มรับเปิดบัญชีม้าพนันออนไลน์ ซึ่งก็สามารถยึดสมุดบัญชีได้กว่า 100 เล่ม และมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท หลังจากนี้ก็จะนำบัญชีเหล่านี้มาตรวจสอบเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.32 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นายกฤษ ชลราธรทรัพย์ หรือ “ดีเจกฤษ” ได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยทางทนายของดีเจกฤษ ได้ชี้แจงว่า วันนี้ลูกความมาในฐานะพยานและได้นำเอกสารการเงินของบริษัทมาชี้แจงกับทางดีเอสไอเพื่อเป็นการประกอบการให้ปากคำ และขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีคนบอกว่าเป็นโบรกเกอร์ของกลุ่มบัญชีม้า ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกว่า เส้นทางการเงินต่างๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันและเครือข่ายก่อนหน้าที่โดนจับไป
ทั้งนี้ นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังระบุด้วยว่า ล่าสุด มีผู้เข้ามาให้การในฐานะพยานแล้ว 2 ราย หากวันนี้อีก 5 รายที่เหลือยังไม่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนเวลา 16.00 น. ตนเตรียมส่งเรื่องเพื่อขออำนาจศาลในการออกหมายจับในวันพรุ่งนี้ โดย “ดีเจกฤษ” ให้ข้อมูลว่าดำเนินธุรกิจนี้อยู่แล้ว จึงหาหุ้นส่วนเพื่อที่มาร่วมลงทุนในกิจการดังกล่าว จึงไม่ได้มีการตรวจสอบว่าบุคคลที่มาร่วมหุ้นด้วยเป็นใครบ้างเพราะว่าจำนวนหุ้นคิดเป็นแค่ 2-3% และเจอกันตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน ซึ่งมันเป็นรูปแบบในการทำการตลาด เขาจึงพยายามดึงคนที่มาเที่ยวประจำ เพื่อลงหุ้นและเพื่อหาคอนเนกชัน ส่วนคนที่ร่วมลงทุนกับเขา เขาระบุว่า 40-50 คน เราก็จะให้เตรียมมาให้การชี้แจงถึงการประกอบธุรกิจด้วย