พ่อค้าร้านขายกุ้งถูกมาเฟียตลาดทำร้าย ประกาศเซ้งร้านกลัวอิทธิพล ยืนยันไม่ได้แทงคู่กรณี คาดลื่นมีดไปโดน ยืนยันไม่เคยมีปัญหากับใคร
วันนี้ (5 ม.ค.) ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา นายเส็ง พลอยศรีธรรมชาติ อายุ 56 ปี เจ้าร้านขายกุ้งในตลาดสดบางใหญ่ ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้าย เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อมอบหลักฐานเป็นวงจรปิดเพิ่มเติม พร้อมให้ปากคำ เพื่อประกอบในการติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ
นายเส็ง เปิดเผยภายหลังพบพนักงานสอบสวน พร้อมเปิดบาดแผลให้ดู มีแผลฉกรรจ์ 2 จุดใหญ่ๆ คือ บริเวณริมฝีปาก และจมูก เย็บ 3-4 เข็ม และแผล ฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด เช่น ใบหน้า โหนกแก้มเป็นรอยร้องเท้า และแผ่นหลังช้ำเขียว
นายเส็ง เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากตนมีการขยับถาดปลาหมึกออกมาจากหน้าร้านนิดเดียว กระทั่งมีพนักงานตลาดเข้ามาตักเตือนว่าให้ขยับถาด ตนเองจึงแก้ไขและเก็บถาดเข้าไปภายในร้านแล้ว แต่มีช่วงหนึ่งที่ตนเองตอบกลับไปว่า “ถ้าร้านผมเก็บร้านอื่นต้องเก็บบ้าง ให้เป็นระบบเดียวกัน”
ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ พนักงานคนที่มาตักเตือนไม่พอใจ โทร.ไปฟ้องเพื่อนที่ชื่อว่านายกบ สวมเสื้อสีขาว (ไม่เห็นในคลิป) เข้ามาตบตน พร้อมพวกเข้ามาล้อมที่ร้าน ตนก็ต้องสู้ โดยหยิบมีดแทงสวน เพื่อป้องกันตัว แต่นาทีนั้นนายกบ ลื่นล้ม ไม่รู้ว่ามีดถูกตัวใคร ส่วนตนก็ลื่นล้มเช่น และถูกแย่งมีดอออกจากมือ ยืนยันแทงไปครั้งเดียว จนมีดบาดมือขวาของตน (โชว์แผลที่มือ)
จากนั้นถูกรุมทำร้าย โดยจับขาสองข้างยกขึ้นและปล่อยลง รุมกระทืบซ้ำ จนสลบแล้วยังรุมกระทืบตนอีก ยืนยันทั้งหมดคือพวกพ้องของพนักงานตลาด ตนจำหน้าได้หมดทุกคน และเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน
อีกทั้งมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนเองเป็นคนที่ไม่ได้ยอมเหมือนผู้ค้าในตลาดคนอื่นๆ แต่กลับกันกับเจ้าหน้าที่คนนี้ เป็นคนที่ไม่ยอมคนและต้องใหญ่กว่าคนอื่น จึงมีปัญหาขึ้น
นายเส็ง ตั้งคำถามว่า “เป็นเพราะอะไร ในตลาดเป็นมาเฟียหรืออย่างไร หรือนักเลง หรือเป็นอันธพาลขอให้ตลาดพิจารณาด้วย”
สำหรับการตักเตือน เรื่องจัดระเบียบของต่างๆ หน้าร้านมีการตักเตือนทุกร้านอยู่ แต่บางร้านก็ไม่เก็บ ซึ่งส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาตนมีแต่คนรัก และไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่มาเกิดเหตุแบบนี้ ตนคงไม่ไปขายของที่ตลาดอีกแล้ว และจะเซ้งร้านให้กับคนอื่น เพราะอยู่ไปก็อันตราย อีกครั้งหลังเกิดเหตุก็ไม่มีคนของตลาดติดต่อเข้ามาดูแลแต่อย่างใด
ส่วนวันนี้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากฝ่ายคู่กรณีมีการร้องตำรวจว่าตนเองพยายามฆ่า แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับตน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอให้ผู้จัดการตลาดดูแลลูกน้องให้ดี ไม่ใช่มาทำร้ายผู้ค้าในตลาด พร้อมยืนยันว่า ร้านอื่นมีความรู้สึกเช่นเดียวกับตนเอง แต่ไม่มีใครกล้าพูดหรือโต้เถียงแบบตน ยืนยันว่า ทุกร้านไม่มีใครชอบพนักงานตลาดชุดนี้เลย เพราะทำตัวเป็นมาเฟีย เวลาพูดจาก็จะเบ่ง และใช้คำหยาบคาย
ด้าน นางสาวภีรพร พลอยศรีธรรมชาติ อายุ 31 ปี ลูกสาว นายเส็ง เปิดเผยว่า ขณะที่กู้ภัยนำตัวพ่อไปส่งที่โรงพยาบาล ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 10 คน ได้ตามไป ก่อนจะล้อมรถที่พ่อตนเองบาดเจ็บอยู่ พร้อมกับพยายามจะเปิดประตูแล้วบอกให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดรถ ระบุว่า “ต้องการจะเข้าไปทำร้ายต่ออีก” แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่เปิดประตู และได้รีบขับรถออกจากโรงพยาบาลเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ทันที
โดยเมื่อตนเองเห็นคลิปภาพที่พ่อถูกทำร้าย รู้สึกว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย และสงสารพ่อเป็นอย่างมาก เพราะพ่อเป็นเสาหลักที่ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว หากเป็นอะไรไปครอบครัวจะตกอยู่ในความลำบาก ซึ่งหลังจากนี้ ยังไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นประกอบอาชีพใหม่ที่ไหน เพราะพ่อไม่สามารถที่จะกลับไปขายที่ตลาดได้อีกแล้ว หากกลับไปขายของต่ออีกก็อาจจะถูกทำร้าย
ด้านพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เปิดเผยว่า วันนี้เรียก นายเส็ง เจ้าของร้านขายกุ้ง และอาหารทะเล ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ปรากฏในคลิป เพื่อสอบปากคำ เพราะเนื่องจากคู่กรณีอ้างว่าถูกนายเส็ง ทำร้ายร่างกายเช่นกัน
ส่วนฝ่ายคู่กรณี โดยเบื้องต้นทราบว่า มีจำนวน 4 คน พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวเพื่อมาให้ปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่หากไม่มาพบ ก็เตรียมออกหมาย แต่หากยังไม่มาพบอีกพนักงานสอบสวนจะออกหมายหมายจับตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาใดบ้างนั้นต้องสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่าย ให้เสร็จสิ้นก่อน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกันภายหลังจากพนักงานของตลาดเข้ามาตักเตือน จัดระเบียบเรื่องการวางสิ่งของหน้าร้านของร้านขายกุ้ง ทำให้พนักงานที่มาว่ากล่าวตักเตือน ไปบอกเพื่อนที่รู้จักกันซึ่งไม่ใช่พนักงานในตลาด เพื่อนจึงเกิดความไม่พอใจแทนกัน เมื่อเพื่อนมาเจอหน้ากับเจ้าของร้านขายกุ้ง จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น