xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง “หลงจู๊สมชาย” กับลูกน้องลักลอบตั้งบ่อนพนัน-ข้อหาฟอกเงิน เหตุพยานหลักฐานอ่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือ “หลงจู๊สมชาย”
ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง “หลงจู๊สมชาย” กับลูกน้อง ข้อหาลักลอบตั้งบ่อนพนัน และข้อหาฟอกเงิน ชี้ พยานหลักฐานยังน่าเคลือบแคลงสงสัย และไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษได้

เวลา 09.30 น. วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีลักลอบตั้งบ่อนการพนันหมายเลขดำ อ.1421/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือ “หลงจู๊-สมชาย” ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก กับพวก น.ส.จุฑามาศ วงษ์นิยม, น.ส.อุไรวรรณ วงษ์นิยม และ นายยุทธนากร มะลิชื่น รวม 4 คน เป็นจำเลยในฐานความผิด ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ .2542,  พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ก.ค.- 17 ส.ค. 2563 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันกำถั่ว ไฮโล บาการา ไพ่เสือมังกร เพื่อเอาทรัพย์สินโดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้ร่วมกันสมคบกันฟอกเงินโดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารพาณิชย์หลายครั้งหลายหน เพื่อเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระผิดเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน

เหตุเกิดที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง, ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยตามความผิด พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

ช่วงเช้าวันนี้ นายสมชาย หรือหลงจู๊ จำเลยที่ 1 กับพวกทั้ง 4 คน เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยนั่งมากับรถตู้สีดำ ยี่ห้อฮุนได
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์และพนักงานสอบสวนไม่ได้ให้การพาดพิงไปว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด ส่วนข้อหาฟอกเงินนั้นในส่วนจำเลยที่ 1 2 4 พยานโจทก์ก็ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้เช่นกัน และโจทก์ไม่มีหลักฐานอื่นมาประกอบ เช่น การนำบัญชีธนาคารของตนมาทำเป็นบัญชีบ่อน หรือ มีรายงานจากบัญชีบ่อนไปเข้าบัญชีตน หรือ มีข้อมูลการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับคนร้ายที่หลบหนี กลับได้ความว่าสมุดบัญชีเป็นของบุคคลภายนอกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย นอกจากนี้ พยานโจทก์ยังนับว่ามีความผิดปกติไปจากวิสัยของคนร้ายที่มักจะถ่ายเททรัพย์สินหลายครั้งและเป็นจำนวนมาก ข้อเท็จจริงพบว่า พวกจำเลยมีการรับเงินไว้เพียงครั้งเดียว ขณะที่พยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยรับฟังได้ พยานโจทก์ทั้งหมดจึงยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยและไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง ภายหลังนายสมชาย หรือ หลงจู๊ จำเลยที่ 1 กับพวกได้เดินไปขึ้นรถตู้ที่มาจอดรอรับและไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น