MGR Online - ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ตร. รวบ 2 นายทุนจีนพร้อมพวก 17 ราย เปิดแอปเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยมหาโหดร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน หรือ 2,080 ต่อปี พฤติกรรมสุดเหิมส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ ตะลึงพบเงินในระบบกว่า 2,500 ล้านบาท
วันนี้(19 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปน.ตร.) พร้อมด้วยพล.ต..สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะรองผอ.ศปน.ตร. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลางศปน.ตร. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รองผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดผ่านแอปพลิเคชันส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ ผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “Self service” และ “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 40 แอปพลิเคชัน โดยได้ออกหมายจับ 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์
สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 20 หมาย ผู้ต้องหา 19 ราย โดยได้จับกุม 2 นายทุนจีน ประกอบด้วย 1.น.ส.เปา ลู่ ซัน อายุ 34 ปี และน.ส.ไช่ ซิง เหมย อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 828-829/2565 ลง 13 ธ.ค. 65 และคนไทยอีก 17 คน ในความผิดฐาน“ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง,ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่” พร้อมตรวจยึดของกลางได้ รวม 7 รายการ ประกอบด้วยสมุดบัญชีเงินฝาก 5 เล่ม, คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง, บัตรอิเล็คทรอนิกส์ 3 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, ซิมการ์ด 4 ซิม, เราเตอร์ 1 เครื่อง, อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ 5 เครื่อง และได้อายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้อง จำนวน 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท
จากการสืบสวนของตำรวจพบว่าแอปพลิเคชัน กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม และ Self service มีลักษณะคล้ายกันโดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิชันแล้ว จะพบว่าภายในแอปพลิชันดังกล่าวมีแอปพลิเคชันย่อยแอบแฝงอยู่กว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้ โดยมีการคิดค่าบริการร้อยละ 40 ของยอดเงินกู้ ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่า ร้อยละ 2,080 ต่อปี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะโทรศัพท์และส่งข้อความมาทวงถาม ในลักษณะข่มขู่คุกคามว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากการสืบสวนเพิ่มเติม พบว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้ มีความพยายามจะหลบหนีไปออกนอกประเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ตร. และชุดปฏิบัติการส่วนกลางติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของแอปพลิเคชัน“กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชัน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับแต่อย่างใด โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้วจะรีบโอนเงินออกเป็นทอดๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และในส่วนของแอปพลิเคชัน “Self service” พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ทั้งสองแอปพลิเคชันมีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศปน.ตร. มีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้เข้าทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการกู้ได้ง่ายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้ด้วยเช่นกัน แก๊งเหล่านี้จะเอามาใช้ในการข่มขู่เพื่อให้ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ยมหาโหดถึงร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน หรือร้อยละ 2,080 ต่อปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชันดังกล่าว พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินและบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้ หลังจากนี้จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ติดตามยึดอายัดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ขอเตือนคนไทยที่รับเปิดบัญชีม้าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะจะต้องรับโทษเท่ากันกับนายทุนที่เป็นคนจีน หากประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2564 และกลางปี 2565 ศปน.ตร.พบมีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดสมุทรปราการ ร้องเรียนผ่านเพจดังว่ามีแอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้นอกระบบส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ ซึ่งแอปดังกล่าวไม่ต้องใช้หลักประกัน แต่เมื่อโหลดแอปลูกหนี้จะถูกดูดข้อมูลเบอร์โทรจากในโทรศัพท์ จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 แอปพลิเคชั่นมีลูกหนี้รวมกันกว่า 80,000 คน หากกู้เงิน 3,000 บาท จะได้รับเงินเพียง 1,800 บาท และต้องจ่ายเงินคืน 3,000 บาท ภายใน 7 วัน หรือถูกคิดดอกเบี้ย 1,200 บาท เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้ง 2 แอปพลิเคชันพบว่ามีนายทุนคนเดียวกันคือน.ส.ไช่ ซิง เหมย พบในระยะเวลา 6 เดือน ได้ถอนเงินสดจากบัญชีม้าที่เป็นต้นน้ำของอาชญากรรม ครั้งละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 40 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เพิกถอนวีซ่าของ 2 คนจีนเรียบร้อยแล้ว
ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทางช่องทางต่างๆ เช่น การอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/app/BotLicenseCheck สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เว็บไซต์ http://www.1359.go.th/picodoc/comp.php