MGR Online - วิศวกรสาว ร้อง ปคบ. เอาผิด รพ.เอกชน จ.นนทบุรี ฐานปลอมแปลงเอกสาร ลงประวัติการรักษาผิดพลาด เข้ารักษาอาการท้องเสียเมื่อ 4 ปีก่อน กลับบันทึกว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก พอเป็นจริงๆ ก็ถูกบริษัทประกันยกเลิกสัญญาฐานปกปิดข้อมูล เคลมค่ารักษาไม่ได้
วันนี้ ( 19 ธ.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.รัตนาภรณ์ นุชศิริ อายุ 42 ปี วิศวกรสาวผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วรินทร วัชะศิรินทร์ รอง.สว.สอบสวน กก.4.บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใน จ.นนทบุรี ข้อหา “ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม” หลังโรงพยาบาลดังกล่าวลงประวัติการรักษาไม่ตรงตามความเป็นจริง จนส่งผลให้ถูกบริษัทประกันที่ทำไว้ยกเลิกกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ไม่สามารถเคลมค่ารักษาได้
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวว่า เมื่อปี 61 ได้ไปรักษาตัวเนื่องจากท้องเสียที่โรงพยาบาลดังกล่าว จากนั้นเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาหมอโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งได้ตรวจพบว่าตนเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะแรก จึงทำเรื่องขอเคลมค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันที่ทำไว้ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ที่ทำไว้สำหรับโรคร้ายแรง จ่ายเบี้ยประกันปีละ 50,000 บาท และจะได้ผลตอบแทนค่ารักษาพยาบาลจำนวน 1,075,000 บาท ซึ่งกรมธรรม์นี้ตนซื้อไว้เมื่อต้นปี 64 แต่ปรากฎว่า ทางบริษัทประกันได้ตรวจสอบประวัติการรักษาพยาบาลกลับปรากฎว่า โรงพยาบาลต้นเหตุที่ตนเคยไปรับการรักษาอาการท้องเสีย กลับลงประวัติว่าตนนอนโรงพยาบาล 4 คืนและตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกก่อนที่จะมีการทำสัญญาประกันเมื่อต้นปี 64 ซึ่งไม่ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
“ยืนยันว่าตอนนั้นตนเคยรักษาอาการท้องเสียแค่ครั้งเดียวและแอดมิดแค่คืนเดียว อีกทั้งโรงพยาบาลนี้ก็ไม่เคยไปตรวจรักษาอีกเลย ทำให้กลายเป็นการผิดเงื่อนไขกรรมธรรม์ที่ต้องไม่มีประวัติป่วยโรคร้ายแรงก่อนซื้อกรมธรรม์และทางบริษัทประกันมองว่าปกปิดข้อมูลก่อนซื้อกรมธรรม์ จึงยกเลิกกรมธรรม์และไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้” น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าว
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงจากการออกเอกสารและใช้เอกสารเท็จ รวมถึงปัญหาการคีย์ระบบข้อมูลในระบบของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ผิดพลาดและเลิ่นเล่อ สร้างความเสียหายให้แก่ตนอย่างมากเนื่องจากไม่สามารถรับการเคลมประกันได้ ก่อนหน้านี้เคยยื่นเรื่องให้ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ทางกรมอ้างว่าเป็นเรื่องข้อผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เวชระเบียน ได้ทำการตักเตือนแล้ว และไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่สร้างมาตรฐานความน่าเชื่อถือแก่ระบบสาธารณสุข อีกทั้งได้ขอเรียกร้องความเสียหายกับทางโรงพยาบาลต้นเรื่อง แต่ทางโรงพยาบาลยอมรับผิดว่าเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่เวชระเบียนจริงและรับผิดชอบเพียงแค่ว่าให้สิทธิพิเศษวงเงินค่ารักษาพยาบาล 200,000 บาท แต่ตนขอไม่รับเนื่องจากไม่มีความเชื่อมั่นที่จะรักษาพยาบาลที่นี่อีก
น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่ปรากฏเป็นข่าวและทางโรงพยาบาลส่งหนังสือชี้แจงข้อผิดพลาดในการกรอกข้อมูลและยืนยันแล้วว่าทางผู้เสียหายไม่มีเจตนาปกปิดข้อมูลการรักษาพยาบาล ทำให้ทางบริษัทประกันยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตน 1,075,000 บาทแล้ว แต่ตนมองว่า การทำงานของโรงพยาบาลที่ทำงานกับความเป็นความตายควรมีมาตรฐานกว่านี้ อีกทั้งควรได้รับการตรวจสอบว่าการกระทำเช่นนี้ของโรงพยาบาลเข้าข่ายเป็นการปลอมเอกสารหรือไม่ จึงตัดสินใจมาแจ้งความกับ ปคบ.ในวันนี้ เพื่อเอาผิดกับโรงพยาบาลทั้งผู้อำนวยการ แพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และหวังว่ากรณีของตนจะเป็นอุทธาหรณ์แก่โรงพยาบาลที่ต้องมีมาตรฐานในการตรวจสอบและลงทะเบียนข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยเพื่อรักษาสิทธิของผู้บริโภค
ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เคสนี้เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการประมาทของโรงพยาบาล แม้ทางโรงพยาบาลจะยอมรับผิดแต่มีพฤติการณ์ปลอมเอกสารที่สร้างความเสียหายแก่ผู้เสียหายอย่างมาก อีกทั้งการร้องเรียนกับหน่วยงานราชการกลับไร้ความคืบหน้า จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่มีหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขมารับผิดชอบในการตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล เลยต้องการให้เคสนี้เป็นเคสตัวอย่าง จึงพาผู้เสียหายมาแจ้งความกับ ปคบ.เพื่อดำเนินคดีฐานปลอมเอกสารกับทางโรงพยาบาล อีกทั้งฝากถึงกระทรวงสาธารณสุขว่าให้ใส่ใจในการตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพของโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนให้มากกว่านี้
เบื้องต้นพนักงานสอบปากคำผู้เสียหายพร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป