MGR Online-ผบช.น.ตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้า "คดีผับจินหลิง" มีตำรวจ 3 นายทุจริตฟ้องผู้ต้องหาเอง เสนอ ป.ป.ช.ตรวจสอบ พร้อมชี้แจงอีกหลายประเด็น รวมถึงกรณีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.แถลงความคืบหน้าและชี้แจงคดี "จินหลิง" เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ยืนยันในที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดโดยให้ พฐ.เก็บเพื่อต้องการให้หลักฐานในสำนวนนี้จัดเก็บโดยถูกต้อง ไม่อยากให้มีปัญหาในการดำเนินการเป็นข้อต่อสู้ในทางคดีว่า ตำรวจเอาพยานหลักฐานเข้าสำนวนโดยไม่ถูกต้อง ในกล้องวงจรปิดปรากฎภาพบุคคลที่เกี่ยวแต่ละรายซึ่งอยู่ในสำนวน จะทำการคัดแยก 1. ผู้เข้ามาเสพยาเสพติด 2. ผู้เข้ามาเที่ยว 3. ผู้ให้บริการ 4. ผู้จำหน่าย ในส่วนของผู้เสพได้ดำเนินคดี 104 ราย สั่งฟ้อง 77 ราย ให้การปฏิเสธ 11 ราย มีตำรวจที่ไม่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับผิดชอบคดีได้นำผู้ต้องหาแยกไปฟ้องเอง 1 ราย ขณะนี้ถูกนำตัวส่ง ป.ป.ช.ดำเนินคดี หลังมีผู้มีอิทธิพลเสนอเงินให้ตำรวจกระทำผิดอยู่ระหว่างติดตามตัว ที่เหลือ 66 ราย ให้การเป็นประโยชน์ว่ามีบริการรถไปรับแล้วพามาเสพ นอกจากนี้ ได้ดำเนินคดีกับบุคคลที่อยู่ในห้องเก็บยาจนพบว่า มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงออกหมายจับอีก 10 ราย เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) จับเพิ่มเป็นรายที่ 7 หลักฐานระบุได้ว่ามีส่วนร่วมกันเป็นเจ้าของ หรือเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว และมีผู้ทำหน้าที่รวบรวมเงินโอนเงินไปให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง บช.น.ส่งเอกสารไปให้ ป.ป.ง.เพื่อตรวจสอบและดำเนินการความผิดฐานฟอกเงิน พร้อมเสนอสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาว่า เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจากหลายประเทศ มีความเชื่อมโยงในการทำหน้าที่กันพิจารณาแล้วเห็นว่า เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงปรากฏเป็นข่าวเมื่อวาน ย้ำว่า บช.น.ไม่สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยได้ทุกขั้นตอน เพราะในที่เกิดเหตุมียาเสพติดกับชาวต่างชาติต้องแยกวิเคราะห์ว่า แต่ละรายเชื่อมโยงกันอย่างไรแล้วใครคือตัวการใหญ่
กรณีการอายัดทรัพย์ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน กฎหมายยาเสพติดสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว โดยประสานงานกับ ป.ป.ส.ตรวจยึดได้ในระดับหนึ่ง ส่วนที่เหลือถ้าดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเฉพาะคดีฟอกเงินแล้วตนเชื่อว่า รมว.ยุติธรรม จะดำเนินการต่อไป ขณะที่เส้นทางการเงินสั่งการทีมสืบสวนสอบสวนดำเนินการควบคู่ไปด้วย เรื่องที่คมตั้งคำถามสาเหตุที่ดำเนินคดีกับ รปภ.นั้น ต้องชี้แจงว่าเขาไม่ใช่ รปภ.แต่เป็นผู้ที่ถูกจ้างไว้ดูแลสถานที่ ในขณะตำรวจเข้าตรวจค้นเขาแสดงตัวเป็นผู้รับหมายว่า เป็นผู้ดูแลสถานที่เพราะในนั้นมีแต่ชาวต่างชาติ และเขาพูดภาษาต่างชาติได้ ในเมื่อแสดงตัวเป็นผู้ดูแลแล้วภายในมียาเสพติด และมีบุคคลกระทำผิดตำรวจจำเป็นต้องแจ้งข้อหาจับกุมตามขั้นตอนที่ปรากฏข้อเท็จจริง จากการสอบถามพนักงานสอบสวนเห็นว่าให้การเป็นประโยชน์ในทางคดี และไม่ใช่ตัวการในการกระทำผิดในข้อหาที่แจ้งนั้น ก็ต้องสั่งฟ้องคดีไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วรวบรวมคำให้การที่เป็นประโยชน์ไว้ในสำนวนเพื่อส่งพนักงานอัยการพิจารณา จะมีน้ำหนักอย่างไรพนักงานสอบสวนไม่สามารถชี้นำได้ ขึ้นอยู่กับพนักงานอัยการ และผู้พิพากษา รายละเอียดทุกอย่างนอกจากจะมีเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ยังมีภาพและเสียงบันทึกไว้ประกอบให้เห็นว่าผู้ที่ให้ถ้อยคำอยู่ในสถานะมีสติ และไม่ได้ถูกตำรวจกระการใดๆ อันเป็นการต่อรอง หรือหว่านล้อม หรือชักจูง ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
กรณีปล่อยให้รถยนต์ที่ตรวจยึดไว้มีผู้รับไปโดยทำให้เกิดผลกระทบ และต่อภาพลักษ์องค์กร เรื่องนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบมีการเก็บกล้อง และทำรายละเอียดว่าความเคลื่อนไหวของผู้มารับรถมีอะไรบ้าง เป็นการดำเนินการคู่ขนานกับทาง บช.น.ที่ได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนขึ้นมาว่า ในกรณีที่มีคำสั่งไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะต้องดำเนินการตรวจสอบให้ได้เจ้าของรถที่แท้จริงว่า รถที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุเป็นรถที่ใช้ในการกระทำผิดมาหรือไม่ แต่ไม่ดำเนินการตามข้อสั่งการ และไม่คืนให้กับเจ้าของกับสิทธิ์โดยนำหลักฐานมาแล้วบันทึกถ้อยคำให้ชัดเจนถือว่าเป็นการขัดคำสั่งอยู่แล้ว แต่เมื่อมีหลักฐานการการสืบสวนมาประกอบจนน่าเชื่อว่าทุจริต บช.น.ได้สั่งการเอาเรื่องที่สืบแล้วให้คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้ชี้ว่าผิดหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย มีคำถามว่าทำไมตอนนี้ยังไม่แจ้ง ผู้บังคับบัญชาได้มีหนังสือทวงถามผลไปเมื่อ 2 วันก่อนว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว เพราะตำรวจที่ทำการตรวจสอบ กับตำรวจที่ทำการสืบสวนเป็นคณะเดียวกัน ตนได้มอบหมายเพื่อไม่ให้เกิดเป็นประเด็นว่าขัดแย้งช่วยเหลือ เราเห็นกรอบอยู่แล้วว่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ร่องรอยการติดต่อสื่อสารของผู้ต้องหาบางคนมีการติดต่อสื่อสารกับตำรวจ วันที่ 27 ต.ค. เกิดปัญหาจ้างวานให้ตำรวจเอาคนไปฟ้องก่อน ผบก.น.6 เห็นและรายงานตีกรอบว่ามีผู้จะทำให้คดีดังกล่าวเกิดความเสียหาย ตรวจพบดำเนินคดีส่งเรื่องไป ป.ป.ช.แล้ว 3 ราย ขณะนี้จเรตำรวจตรวจสอบแล้วเชื่อว่าอีกไม่นานคงต้องดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่อง แล้วให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาในเรื่องนี้
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า ส่วนคำถามตำรวจตั้งใจดำเนินคดีฐานฟอกเงินมาตั้งแต่แรกหรือไม่ เป็นสิ่งที่ตำรวจชุดทำคดียาเสพติด หรือคดีมูลฐานรู้อยู่แล้วว่าต้องทำ ประเด็นตำรวจไม่ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ยืนยันว่าตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้กับ ป.ป.ง.พิจารณาไปแล้วถึง 2 ครั้ง มีหลายหน่วยงานช่วยกันตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงาน จะได้รู้ว่าถ้าผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน ตำรวจเราหนักแน่นขนาดไหนที่เราทำตนเชื่อมั่นใจทีมงานของตน ประเด็นบุคคลที่ตรวจแล้วไม่พบสารเสพติดได้กันไว้เป็นพยาน หรือตรวจสอบโทรศัพท์การพูดคุยหรือไม่ ยืนยันว่ามี อยู่ในสำนวนคำให้การ ต้องเข้าใจว่าคนที่ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยตรง ตำรวจจะเปิดโทรศัพท์ต้องได้รับความยินยอมก่อน ประเด็นตำรวจไม่สามารถตรวจค้นภายในรถหรู 35 คัน ที่ตรวจยึดได้เพราะไม่มีกุญแจนั้น รถยังอยู่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตามหาเจ้าของ ตำรวจมีภาพและคลิปในการตรวจรถตั้งแต่วันจับกุม คันที่เปิดไม่ได้มีการทำหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก และกรมศุลกากร เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้สั่งรถเข้ามา นำเข้าด้วยวิธีการใด ใครเป็นคนโอนเงินซื้อ ขายให้ใคร จดทะเบียนชื่อใคร รวมถึงประกันภัย สิ่งที่ตำรวจอยากรู้คือใครเป็นผู้สั่งนำเข้า และใครเป็นผู้โอนเงิน เราต้องการรวบรวมทุกอย่างเข้าในสำนวนเพื่อหาความเชื่อมโยง จะสอดคล้องกับสิ่งที่เราเห็นว่าแบ่งงานกันทำเป็นขั้นเป็นตอน เป็นองค์กรอาชญากรรมใช่หรือไม่ ประเด็นมีบางคนไม่มั่นใจการทำงานของตำรวจนครบาลที่ให้ตำรวจใกล้เกษียณมาอยู่ในคณะทำงาน ตนเชื่อมั่นในความสามารถไม่คิดว่าตำรวจใกล้เกษียณจะเป็นผู้อ่อนด้อย หรือไร้ความสามารถ มองว่าประสบการณ์ที่เขามีทำให้ตนออกหมายจับในคดีนี้ได้ ประเด็นตำรวจเกี่ยวข้องกับการทุจริตนำตัวผู้ต้องหาแยกฟ้องเองนั้น ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้ว 3 ราย
"บช.น.ต้องการทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ได้ทำไปตามกระแสใดๆ แต่ทำตามขั้นตอนในสิ่งที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานมาได้ และยังมีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับอีก ถ้าพยานหลักฐานไม่ถึงเราไม่ออกหมายจับ แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่เราก็ไม่ละเว้นถ้าเชื่อมโยงถึง เราตั้งใจที่จะทำให้สำนวนนี้มีความสมบูรณ์ ไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาหลุดพ้น เพราะคดีนี้กระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม มันไม่ใช่คดียาเสพติดทั่วไป และอาจกระทบต่อโครวสร้างทางเศรษฐกิจด้วย นั้นคือความตั้งใจของทีมพนักงานสอบสวนและสืบสวน ยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน เราปล่อยปละละเลยไหม เราเพิกเฉยไหม เรานิ่งดูดายไหม หรือว่าเราไม่แสวงหาพยานหลักฐาน มั่นใจว่าคดีจินหลิงเสร็จทันฝากขัง" น.1 กล่าว