xs
xsm
sm
md
lg

ลากไส้…แก๊งขายชาติ รับจ้างแปลงวีซ่าจีนเทา นายพล ตม.อีสานรวยอู้ฟู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ ลากไส้…แก๊งขายชาติ รับจ้างแปลงวีซ่าจีนเทา นายพล ตม.อีสานรวยอู้ฟู่



กองบัญชาการตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ตอนนี้ “เละเป็นโจ๊ก” ไปแล้ว ด้วยการเปิดโปงแบบเอาตาย ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์

แฉว่า มีนายพลของ สตม.ถึง 3 คน ซุ่มเงียบหากินกับการ “แปลงวีซ่า” ให้กับบรรดาแก๊งจีนสีเทา เพื่อไฟเขียวให้คนพวกนั้น ได้เข้ามาเสวยสุขกับยาเสพติด สถานบริการสุดขั้ว และบ่อนพนันในเมืองไทย แบบยาวๆ ไป

เบื้องต้นจะจริงไม่จริงไม่ทราบ แต่ชาวบ้านแทบร้อยทั้งร้อย พร้อมจะเทใจเชื่อไปแล้ว และที่ว่า “เละเป็นโจ๊ก” เพราะงานนี้คนชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ต้องพาลโดนหางเลขไปด้วย เพราะว่า 2 ใน 3 นายพล สตม.ที่ว่านั่น ดันเป็นเพื่อน นายร้อยสามพราน รุ่น 47 รุ่นเดียวกับบิ๊กโจ๊ก

เพื่อนก็เลยต้องประกาศขึงขัง พร้อมจะเชือดเพื่อน แบบไม่มีละเว้น หากสอบพบว่าไปลอบหากินกับมาเฟียจีนจริง

เพื่อพิสูจน์หาความจริง มวยหลักอย่าง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงเซ็นตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณี “แปลงวีซ่า” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้รู้ผลภายใน 15 วัน

ย้อนไปถึงข้อมูลน่าตื่นตะลึงของนายชูวิทย์ ระบุว่า 3 นายพล สตม. ที่มีพฤติกรรมช่วยแปลงวีซ่าให้มาเฟียจีน ประกอบด้วย พล.ต.ต. ก. พล.ต.ต. ด. และ พล.ต.ต. ณ. ยศขณะเกิดเหตุ

โดยช่วงปี 2563-2564 เป็นช่วงเวลาทำเงินของมาเฟียจีน และตำรวจใน สตม. มีการแปลงวีซ่าผ่านมูลนิธิเก๊ๆ ของแก๊ง จำนวนถึง 6,472 จาก 8 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ขอนแก่น ชัยภูมิกาฬสินธุ์ นครราชสีมา อุดรธานี สกลนคร และอำนาจเจริญ

ค่าวิ่งเต้นอยู่ที่ 100,000,-300,000 บาทต่อหัว

เท่ากับมีเงินสะพัดในหลัก “พันล้าน” และก็ถือว่าเป็นส้มหล่นของ สตม. อยู่จังหวัดอีสานแท้ๆ ยังมีคนมาเสนอผลประโยชน์ แลกกับการช่วยเหลือถึงที่

เพื่อตรวจทานซ้ำข้อมูลเหล่านี้ของนายชูวิทย์ ทีมงาน “ถอนหมุดข่าว” ได้พูดคุยกับแหล่งข่าว คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้รับการยืนยันว่า เรื่องที่มีนายพล สตม. หากินกับการแปลงวีซ่านั้น เรื่องจริง 100% แต่อาจต่างกันบ้างในรายละเอียด

ข้อมูลที่ทีมงาน “ถอนหมุดข่าว” ได้รับมานั้น ระบุว่า ขบวนการแปลงวีซ่าคนจีน เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 แต่มี “ยุคทอง” ในช่วงปี 2563-2564 โดยเริ่มต้นทำกันที่ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดแรก

ยุคแรกนั้น มีการเรียกค่าหัวในการดำเนินการที่ 100,000 บาทต่อ 1 คน โดยมีหลักการสำคัญ ต้องมีนายหน้า ผู้เชี่ยวชาญ ชงเอกสารต่างๆ มาให้ครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์จริงๆ ห้ามมีตกหล่นรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว

การยื่นเรื่อง ก็ต้องมีสถานที่ทำงาน หรือสถานศึกษา รองรับบุคคลที่ขอการแปลงวีซ่าเหล่านั้นแนบมาด้วย ไม่มีไม่ได้

ถ้านายหน้าทำได้ตามนี้ หลังการเซ็นอนุมัติแปลงวีซ่า นายหน้านั้น จะได้รับส่วนแบ่งมากถึง 50% จากยอดเรียกเก็บ 100,000 บาท

แล้วขบวนการฝ่ายเจ้าหน้าที่มีใครบ้าง? ก็มีตั้งแต่เจ้าหน้าที่นั่งโต๊ะ ผู้กำกับ ผู้บังคับการ โดยคนทำหน้าที่สะบัดปากกา ลงลายมือ จะเป็น รองผู้บัญชาการ ที่ได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการ

ทั้งขบวนการนี้ ล้วนแต่ได้รับ “ส่วย” แบ่งสันปันส่วนกันไป โดยคนที่ได้เยอะสุดมี 2 คน คือในระดับกองบัญชาการ คนเซ็นอนุมัติ จะได้เงิน 10,000 บาทต่อหัว เช่นเดียวกับ ผู้มีอำนาจชี้ขาดก็ได้เงิน 10,000 บาทต่อหัว

นายใหญ่ที่บุกเบิกงานและงาบเงินส่วนนี้ได้ไปเยอะสุด ปัจจุบันเกษียณจากตำรวจ ไปทำงานในองค์กรตามรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นคนสายตรงจากทำเนียบรัฐบาล บางคนยังอยู่ในราชการ จ่อเกษียณแล้ว

ถามว่าทำไม แก๊งจีนถึงเน้นไปยังพื้นที่ภาคอีสานเป็นหลัก? นั่นเพราะเป็นพื้นที่ที่การตรวจสอบคุณภาพ ขาดความเข้มงวดกว่าภาคอื่น ไม่ว่าจะมูลนิธิ หรือโรงเรียนนานาชาติ

เลยกลายเป็นอาหารจานใหญ่ ของบรรดาเจ้าหน้าที่ สตม. ในพื้นที่ หากินกับการแปลงวีซ่ากันจนรวยอู้ฟู่

อย่างนายพลตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งก็มีชื่อถูกพาดพิงด้วย จับงานแปลงวีซ่าแบบจริงจัง จนรวยไม่รู้เรื่อง ได้ไปกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นใหญ่ในระดับผู้บัญชาการอยู่ในสตช. แต่ไม่มีอำนาจในพื้นที่

มาถึงยุคนี้ พบมีข้อสอบเข้าตำรวจในสายงานอำนวยการ รั่วว่อนในสังคมออนไลน์ ส่อว่ามีการทุจริตขายข้อสอบ ซึ่งกรณีนี้ ผบ.ตร. สั่งสอบสวนไปแล้วเพื่อหาตัวการทำผิดมาลงโทษเด็ดขาด สองคดีทุจริตอาจจะมีคนๆเดียวกันร่วมทำผิดก็เป็นได้

ล่าสุด ที่มีการตรวจค้นมูลนิธิเก๊เหล่านี้จำนวน 19 แห่ง ในจ.เชียงใหม่ ยังพบการใช้ “เงินฟาด” ที่น่าตกตะลึง นั่นคือมีเด็กจากต่างชาติ ถือกำเนิดในต่างแดน แต่ดันมีสูติบัตร หรือใบแจ้งเกิด ในประเทศไทย ซะอย่างนั้น

ขบวนการขายสิทธิ์ให้คนต่างชาติอยู่อาศัยในประเทศ และขายสัญชาติไทย โดยการทุจริต ได้ฝังรากลึกในหน่วยราชการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง แทบทุกหน่วยงาน ไม่ใช่เฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัญหานี้อาจจะลามไปถึงคนในรัฐบาล รู้เห็นเป็นใจ ได้ผลประโยชน์ด้วย

--------------------------------
**หมายเหตุ

ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น