อดีตแม่ยกเอือมระอา ถูกพระเอกลิเกตามระราน ไถเงิน ทุบตี พาพวกบุกห้องพักกลางดึก หลังบอกเลิก ทนไม่ไหวโร่แจ้งความ ตร.บุกรุกในเคหสถาน ลักทรัพย์ในเคหสถาน
จากกรณี นางสาวน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า นายยุทธพร (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี อดีตแฟนหนุ่มเป็นพระเอกลิเก บุกเข้าไปในห้องพักแห่งหนึ่งย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ เหตุเกิดวันที่ 3 พ.ย. 65 เหตุเกิดประมาณ 17.00 น.แจ้งความไว้ที่ สภ.บางใหญ่
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 65 นางสาวน้อย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบปากคำใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง โดย นางสาวน้อย ได้เปิดใจกับทีมข่าว ว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ตนเองได้รู้จักกับ นายเติ้ล พระเอกลิเกผ่านทาง Facebook โดยได้มีการพูดคุยกันผ่านทางเเชต Messenger หลังจากนั้น นายเติ้ล ก็เริ่มขอเงินจากตนเองไปใช้จ่ายหลายครั้ง ไม่ยอมทำงานทำการ ชอบขอเงิน อ้างว่า แม่เข้า รพ. ขอเงินครั้งละ 1,000-2,000 บาท จ่ายค่าแชร์ เติมน้ำมัน กินข้าว จนตนเอะใจว่า เป็นพระเอกลิเกก็จะต้องมีเเม่ยก แต่ทำไมนายเติ้ลถึงไม่มี นายเติ้ล ก็บอกว่า ตนเองก็มีแม่ยก แต่ให้พวงมาลัยแค่หน้าเวที หรือได้แค่พวงมาลัยออนไลน์เท่านั้น / ตนมองว่า พฤติกรรมนี้เหมือนผู้ชายมาเกาะผู้หญิงกิน จนคนรอบข้างบอกให้เลิกยุ่งได้เเล้ว
ต่อมาเจอพิษโควิด-19 นายเติ้ล ก็ไม่มีงานทำและมากินนอนที่ห้องพักของตน ไม่มีงานทำอย่างอื่นเป็นอาชีพเสริม หรือบางทีทำงานช่วยคณะลิเก เคยทักมาขอให้ตนช่วย เพราะไม่ได้พวงมาลัย อายคนอื่น / 2 ปีที่ผ่านมา ตนหมดเงินกับผู้ชายคนนี้ไปเกือบ 1 แสนบาทเเล้ว แต่ไม่ได้คืนเลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งเงินที่นายเติ้ลยืมและเงินที่ขอไป
นอกจากนี้ ในช่วงที่อยู่ด้วยกัน นายเติ้ล ยังมีพฤติกรรมเสพยาเสพติด และเสพกัญชา อีกทั้งยังชอบหาเรื่องทะเลาะกับตน เช่น หากตนขอเลิก ก็จะลงมือทำร้ายร่างกายตนจนลำตัวเขียวช้ำ ปากแตก พาคนมาหาตน คล้ายข่มขู่ มาเคาะห้องตอนดึกๆ ระรานไปในเฟซบุ๊ก ให้ปลดบล็อกไลน์ อีกทั้งยังเคยพูดจาข่มขู่ว่า “ถ้ากูจับได้นะ ถ้ามึงมีใหม่นะ กูจะยิงทิ้ง ทั้งผู้หญิง ผู้ชายเลย” ซึ่งตนถูกข่มขู่แบบนี้บ่อยครั้ง แต่ยังไม่เคยเห็นว่านายเติ้ลมีอาวุธปืน ทราบแค่ว่ามีอะไรบางอย่างที่มีผ้าพันไว้อยู่ใต้เบาะรถยนต์ของเขา แต่ตนไม่เคยเห็นกระบอกปืนจริงๆ
สาเหตุเหล่านี้ จึงทำให้ตนตัดสินใจบอกเลิกนายเติ้ลหลายครั้ง ซึ่งครั้งแรกคือ ช่วงสิ้นปี 2564 โดยตนให้เหตุผลกับนายเติ้ล ว่า “ไม่ไหวแล้ว ตนเองก็มีภาระเยอะ ถ้าจะขอเงินเยอะขนาดนี้” นายเติ้ล ก็มีพฤติกรรมระราน ชอบมาหาตนที่ห้องพักกลางดึก ประมาณ 02.00-03.00 น. ประจำและมาเอะอะโวยวายทุบหน้าห้อง จนตนต้องยอมเปิดประตูให้เข้ามา เพราะเกรงใจเพื่อนข้างห้องและเจ้าของหอพัก อีกทั้งยังเคยโทร.ให้เพื่อนเอายาเสพติดมาให้ที่ห้องพักอีกด้วย
ต่อมาเมื่อประมาณ 4 เดือนที่เเล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งทักมาหาตน โดยบอกว่าเป็นเมียของนายเติ้ล คบหากันมานานกว่า 5 ปีเเล้ว ตนจึงได้ไปสอบถามนายเติ้ล ก็อ้างแค่ว่าเป็นแม่ยก ไม่ใช่เมีย (มีภาพเเชต) โดยฝ่ายหญิงมีการโทร.มาคุยกับตนบอกให้เลิกยุ่งกับผู้ชาย ตนจึงสวนกลับไปว่า ฝ่ายชายต่างหากที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับตน
ประมาณวันที่ 24 ต.ค. 65 ตนเองต้องไปผ่าตัดมดลูก และกลับมาพักฟื้นที่ห้องพัก จนกระทั่งคืนวันที่ 2 พ.ย. 65 นายเติ้ล ก็มีการติดต่อตนมาอีก และพยายามจะมาที่ห้อง เพื่อขอให้ตนทำอาหารให้ทาน เเต่ตนก็บอกให้เลิกยุ่งกับตน นายเติ้ล ก็ตอบโอเค ต่างคนต่างอยู่ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 3 พ.ย. 65 นายเติ้ล พร้อมเพื่อน (สวมเสื้อสีดำ) ได้เข้ามาหาตนที่หน้าห้อง โดยตอนนั้นตนเองกำลังจะออกไปข้างนอก เพื่อซื้อนมให้หลานพอดี นายเติ้ลก็พังประตูเข้ามา เพราะอ้างว่าได้ยินตนคุยโทรศัพท์กับผู้ชายคนอื่น และขอเงินตน อีกทั้งยังจะมีการลงไม้ลงมือด้วย ตนจึงเข้าไปหลบในห้องน้ำและล็อกประตู นายเติ้ล ก็พยายามที่จะพังประตูเข้าไปหาตน ประตูมีรอยร้าว (ประตูพลาสติก) หลังจากนั้น ตนก็ได้ยินเสียงนายเติ้ลรูดซิปกระเป๋า จนมั่นใจว่า นายเติ้ลน่าจะมีการขโมยเงินอีก เพราะนายเติ้ลขโมยเงินบ่อย จึงได้รีบออกมา และเข้าไปยื้อยุดกระเป๋าคืน ตอนนั้นตนเองก็เจ็บแผลผ่าตัดด้วย และเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิปวงจรปิดของหอพัก
ซึ่งตนไม่มั่นใจว่า นายเติ้ล ได้เงินไปจำนวนเท่าไหร่ แต่ตนวิ่งออกมา เพราะกลัวว่าจะเอากระเป๋าเงินซึ่งมีบัตรประชาชนไป ส่วนเพื่อนผู้ชายที่มากับนายเติ้ล ก็ได้เข้ามาช่วยห้าม ส่วนเรื่องที่ตนมีผู้ชายคนอื่นจริงหรือไม่นั้น ตนก็ยอมรับว่า ก็มีคุยๆ กับผู้ชายคนอื่นในเฟซบุ๊กที่เขาทักมาจริง ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ปิดบังนายเติ้ลเลย ส่วนนายเติ้ลก็มีคุยกับคนอื่น ตนก็ไม่เคยห้าม หลังจากเกิดเหตุ ตนพยายามโทร.ติดต่อ ขอให้นายเติ้ลเอาของมาคืน เขาก็ไม่ยอมมาตนจึงไปแจ้งความในเรื่องของลักทรัพย์ และบุกรุก ส่วนเรื่องทำร้ายร่างกายไม่ได้แจ้ง เพราะไม่มีร่องรอยบาดแผลอะไร ต่อมา นายเติ้ล ก็ได้เอาตั๋วจำนำมาคืนตน โดยวางไว้ที่ด้านหน้าห้องไม่ได้เคาะเรียกเหมือนทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังโทร.กลับมาท้าตนอีกว่า “ออกหมายมาเลย รออยู่” (ไม่ได้อัดเสียงไว้) ซึ่งหลังจากข่าวออกไป เมื่อคืนนี้นายเติ้ลก็โทร.กลับมาอีกว่า “ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำไมต้องทำให้วุ่นวาย ทำไมต้องไปบอกคนอื่น” ซึ่งสาเหตุที่ตนต้องมาแจ้งความ เพราะอยากให้นายเติ้ลเลิกยุ่งกับตนเสียที เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหานายเติ้ลว่า บุกรุกในเคหสถาน ลักทรัพย์ในเคหสถาน และทำร้ายร่างกาย