MGR Online - ปคม.เปิดปฏิบัติการ “ตัดลิ้นจิ้งจอก” บุกจับ “เสี่ยตง ซาดิสต์” ซื้อบริการทางเพศ 3 เด็กสาว ถ่ายคลิปโพสต์ลงทวิตเตอร์-รวบ 7 เจ้าของโรงแรมลอบค้ากามเด็ก-จับขบวนการจ้างพยานล้มคดีค้ามนุษย์
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม ร่วมแถลงผลเปิดปฏิบัติการ “ตัดลิ้นจิ้งจอก” จับกุม นายสมทรง หรือ เสี่ยตง สาครินทร์ อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2316/2565 ลงวันที่ 1 พ.ย. 65 ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา เพื่อการอนาจาร, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร และ บังคับขู่เข็ญยุยง ส่งเสริม หรือให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะ ลามกอนาจาร” ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมกลุ่มนายหน้าขายบริการทางเพศในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี พร้อมกับให้การช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ผู้เสียหายที่ถูกหลอกค้าบริการเพศออกมา ก่อนนำตัวมาสอบถามจนทราบว่า นายสมทรง ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นหนึ่งในผู้ติดต่อซื้อบริการทางเพศเหยื่อ ทั้งยังมีพฤติการณ์นำอาวุธปืนออกมาข่มขู่ ขืนใจ บังคับเหยื่อให้เสพยาเสพติดในปริมาณมาก ก่อนจะร่วมหลับนอน แล้วถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เพื่อนำไปโพสต์ในกลุ่มทวิตเตอร์ แล้วเก็บเงินสมาชิกแลกเข้ากลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางสืบสวนที่พบว่า นายสมทรง มักมีพฤติกรรมชอบซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นประจำ โดยจะใช้บ้านเป็นสถานที่ร่วมหลับนอน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขออำนาจศาลออกหมายค้น และหมายจับ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ระหว่างที่นำกำลังเข้าจับกุมนั้นพบว่า นายสมทรง ได้เรียกเด็กสาวอายุ 13 ปี 14 ปี และ 17 ปี 3 ราย มาร่วมหลับนอนที่บ้านพัก เมื่อตรวจค้นภายในห้องพักยังพบ ยาบ้า คีตามีน จำนวนหนึ่ง และ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 20 นัด รวมถึงยังพบอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป สำหรับการถ่ายทำคลิปวิดีโอ และคลิปวิดีโอโป๊เด็กในโทรศัพท์มือถือรวม 20 คลิป จึงให้การช่วยเหลือเด็กสาวทั้ง 3 ราย ออกมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับตรวจยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ก่อนคุมตัวนายสมทรง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม. นำกำลังจับกุมเจ้าของโรงแรมขบวนการค้ากามเด็กออนไลน์ ประกอบด้วย นายนเรศ หรือ เทิง สุขนคร อายุ 33 ปี ได้ที่ จ.สุพรรณบุรี, น.ส.น้ำผึ้ง หรือ ผึ้ง บุญเสริม อายุ 21 ปี ได้ที่ จ.ชัยนาท, น.ส.สุธีธิตา หรือ แจ๋ม แตงอ่อน อายุ 22 ปี ได้ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์, น.ส.เบญจรงค์ หรือ กุ้ง บุตรน้อย อายุ 30 ปี ได้ที่ จ.สุพรรณบุรี, น.ส.ชนานันท์ หรือ เมย์ ใจมั่น อายุ 27 ปี ได้ที่ จ.ชัยนาท, น.ส.อรสา หรือ เปิ้ล เริ่มพงษ์ อายุ 48 ปี และ น.ส.หนูพร หรือ พร อัฐนาค อายุ 50 ปี ได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช
พ.ต.อ.กึกก้อง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือเด็กสาว อายุ 14-17 ปี ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการขายบริการทางเพศได้หลายราย จึงขยายผลทราบว่ามีเจ้าของโรงแรมในหลายพื้นที่แอบนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาขายบริการทางเพศ โดยเก็บเงินค่าห้อง และค่าหัวคิวจากเด็ก จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นพบเป็นการกระทำผิดเข้าข่ายเป็นผู้ชักนำ ยุยง ส่งเสริม ให้เด็กกระทำสิ่งที่ผิดต่อกฎหมาย และศีลธรรม ทำให้เด็กอาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และถูกทารุณในหลายๆ ด้านอีกด้วย
จากการสอบผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้รับสารภาพ เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน จึงนำตัวส่ง กก.5 บก.ปคม. ดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กึกก้อง ได้แถลงผลจับกุมขบวนการจ้างพยานกลับคำให้การคดีค้ามนุษย์ โดยสามารถจับกุม น.ส.มณีรัตน์ หรือ แป้ง แก่งเสี้ยน อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2330/2565 ลงวันที่ 2 พ.ย. 2565 ข้อหา “ร่วมกันขัดขวางการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์” ได้ในพื้นที่ ต.แม่ฮ้อยเงิน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.มณีรัตน์ ได้ร่วมกับ น.ส.สุภาวดี หรือ บิ๋ม แทนออมทอง จำเลยในคดีค้ามนุษย์ คดีอาญาที่ 14/2563 จ้างวาน น.ส.บี (นามสมมติ) พยานในคดี ด้วยเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กลับคำให้การในชั้นศาลซึ่งเป็นข้อมูลสาระสำคัญ มีผลต่อการพิจารณา เพื่อที่ น.ส.สุภาวดี จะได้หลุดพ้นจากความผิดในชั้นพิจารณาคดี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ น.ส.มณีรัตน์ ผู้ต้องหารายนี้ พร้อมกับถอนประกันยกเลิกการปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.สุภาวดี กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชดุจับกุมทราบว่า น.ส.มณีรัตน์ ผู้ต้องหารายนี้ ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.มณีรัตน์ ให้การภาคเสธ โดยจะขอให้การเกี่ยวกับรายละเอียดในชั้นศาลเพียงเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่า น.ส.มณีรัตน์ ถือเป็นตัวการคนสำคัญ ทำหน้าที่ติดต่อประสาน เจรจากับพยาน ให้ยอมทำตามข้อเรียกร้อง เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป