“กัน จอมพลัง” พร้อมทนายไพศาล เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีนายไชยยศ ชรบ.ร้อยเอ็ด หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ สน.สุทธิสาร นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายไชยยศ ไชยพฤกษ์ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในพื้นที่ ต.อุ่มเม่า อ.วัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ จากกรณี นายไชยยศ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการช่องหนึ่ง รวมทั้งการโพสต์ข้อความ และไลฟ์สดต่างๆ ในเพจเฟซบุ๊ก
นายกัณฐัศว์ เปิดเผยว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ที่ได้เดินทางไปร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมของนายไชยยศ ที่กระทรวงมหาดไทย ปรากฏว่า นายไชยยศ ก็ได้เดินทางมาพบ และได้ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวชื่นชมตนเอง ซึ่งแตกต่างจากตอนที่อัดคลิปด่าตนในเฟซบุ๊กเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ในวันนี้ จึงได้เดินทางมายัง สน.สุทธิสาร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายไชยยศ ตามข้อความที่นายไชยยศได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งไว้ รวมถึงยังมีหลักฐานจากการไลฟ์สดต่างๆ ในเฟซบุ๊กของนายไชยยศอีกด้วย
อีกทั้ง ยังมีการนำหลักฐานทั้งเรื่องของคลิปที่ ชรบ. คนดังกล่าวเดินถอดเสื้อพกปืน และอ้างว่า รีบมาตรวจตราดูแลความเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน รวมถึงคลิปที่มีการสวมเครื่องแบบ ชรบ.ไปเตะผู้ต้องหาเมายาฆ่าพ่อตัวเอง มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใดได้บ้าง ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร เนื่องจากบ้านเมืองเรามีกฎหมายอยู่แล้ว ก็ควรให้กฎหมายตัดสินไป และขอให้ดูกรณีของอดีตผู้กำกับโจ้ เป็นตัวอย่างว่าทำอะไรไปแล้วผู้ต้องหาเสียชีวิตจะรับผิดชอบอย่างไร สังคมรับไม่ได้อยู่แล้วกับความรุนแรง
นายกัณฐัศว์ เปิดเผยอีกว่า ชรบ.คนดังกล่าวยังได้มีการพูดพาดพิงถึงตนเอง ซึ่งทำให้ได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการพาดพิงว่า หิวแสง สร้างภาพ หรือพูดว่าใครชั่วกว่าใคร ซึ่งตนเองได้ยินแล้วก็ตกใจเหมือนกัน ทั้งที่ทำถูกต้อง มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาถูกพูดพาดพิงแบบนี้ รวมถึงการที่ไปออกโทรทัศน์รายการหนึ่ง ก็มีการพูดพาดพิงตนเองในทางไม่ดีอีก ตนเองจึงได้ปรึกษากับทนายไพศาลรวบรวมข้อมูลหลักฐานแจ้งความเอาผิดในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ ยืนยันว่า แม้ ชรบ.คนดังกล่าวจะเข้ามาพูดคุยหรือขอโทษที่ได้มีการพูดพาดพิงนั้น ก็จะไม่มีการยอมความ โดยระบุว่า การที่มาพูดพาดพิงในลักษณะหิวแสง สร้างภาพ ได้ถูกเผยแพร่อออกไปวงกว้างแล้ว มีพี่น้องประชาชนหลายคนที่เห็นแล้ว ซึ่งคำขอโทษก็ไม่รู้ว่าจะทดแทนสิ่งที่เสียหายไปได้หรือไม่ ตนเองจึงมองว่า อยากให้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมาย ที่จะพูด หรือทำอะไรก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และขอให้เรื่องนี้ดำเนินไปตามกฎหมายต่อไป
ด้าน ทนายไพศาล เปิดเผยว่า ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดใดๆ หรือไม่ ซึ่งถ้าพบเข้าข่ายกระทำความผิดก็ขอให้ดำเนินคดี ส่วนกรณีที่นายกัณฐัศว์ ถูกพาดพิงนั้น ก็ได้มีการแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
