MGR Online - รอง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 2 ชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจบุกอุ้มนักธุรกิจชาวมาเลย์ ขณะนั่งดูดบารากู่อยู่หน้าบ้านต่อหน้าเมียและลูก ลั่นทำความจริงให้ปรากฏ หากพบตำรวจผิดฟันวินัย-อาญา ไม่มีละเว้น
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนักธุรกิจชาวมาเลเซีย นำหลักฐานกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา จ.สงขลา ถูกชายฉกรรจ์ 2 คน อ้างเป็นตำรวจเข้าจับกุมจากหน้าบ้านพัก ในพื้นที่ สภ.สะเดา พร้อมกับเพื่อนอีกคน ขึ้นรถกระบะขับออกมาต่อหน้าลูกชายและภรรยาสาวชาวไทย ทั้งที่ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวว่าเป็นตำรวจ หรือมีหมายศาลอย่างใด เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ได้สั่งการให้ผู้กำกับการสืบสวนลงไปดูว่าความจริงเป็นอย่างไร เดี๋ยววันนี้ความจริงจะปรากฏ ตอนนี้ต้องเอาความจริงมาก่อน ว่า ตำรวจกระทำผิดจริงหรือตัวพลเรือนเป็นผู้ต้องหา และตำรวจเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ เรื่องนี้ตรวจสอบไม่ยาก
ส่วนกรณีที่ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจ ตม.อ้างว่า ไปจับบารากู่ฟังขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในการทำงานของตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เน้นย้ำว่า จะต้องทำอย่างโปร่งใส จะต้องทำอย่างชัดเจนและตอบสังคมได้ เมื่อใดที่เราไปทำงานที่มันไม่ชัดเจนโปร่งใส ก็จะทำให้สังคมคลางแคลงใจ กรณีนี้เป็นส่วนที่สังคมคลางแคลงใจว่าทำไมบารากู่รายเดียวต้องใช้ตำรวจท่องเที่ยว และ ตม.ไปจับ เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของตนที่ต้องเอาความจริงออกมาให้ได้ในฐานะผู้บังคับบัญชา ว่า ใครผิดกันแน่ ผบ.ตร.ให้แนวทางว่าไม่ใช่ว่าหน่วยอื่นผิดแล้วเราไปจับเขาอย่างเดียว ไม่ใช่ว่า อส.ผิดแล้วเราไปจับเขา ถ้าตำรวจเราผิดก็ต้องจับและดำเนินคดี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้รู้ชัดแน่นอนว่าความจริงเป็นอย่างไร ต้องเอาความจริงมากางบนโต๊ะจะได้สั่งถูก ตอนนี้ก็ได้สั่งให้ชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบแล้ว อันดับแรก ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าฝ่ายตำรวจผิดก็ไม่มีการละเว้น แต่ถ้าฝ่ายพลเรือนผิดก็ต้องมีการดำเนินการไป รูปแบบการทำงานของตำรวจวันนี้ ก็ต้องทำงานอย่างโปร่งใส จะไปจับใครก็ต้องทำอย่างชัดเจน ถ้าทำไมชัดเจน อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้การตรวจสอบมันมีมาก
“วันนี้อาจจะมีเยอะและมีหลายเรื่องเข้ามา แต่ว่าเราเป็นองค์กรใหญ่ ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร.ก็ต้องช่วยกัน และผู้บัญชาการหน่วยก็ต้องลงไปดูในพื้นที่ หลักง่ายๆ คือ แยกน้ำเสียออกไป น้ำดีต้องเอาไว้ เพราะฉะนั้นอย่าให้คนแค่หยิบมือเดียว มาทำให้องค์กรสามแสนกว่าคนเสียหาย” รอง ผบ.ตร. ระบุ
