xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารยึดบ้านผิดหลังขนของทิ้งเกลี้ยง เจ้าของร้องทนายดังช่วย เรื่องกระจ่างขอไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



สองสามีภรรยาร้องทนายรณณรงค์ หลังบ้านถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารบุกยึด แต่ผิดหลัง ซ้ำผู้รับเหมาเข้ามาขนของจนเกลี้ยง ก่อนติดป้ายประกาศขาย สุดท้ายเรื่องกระจ่าง เจ้าหน้าที่แค่โทร.มาขอโทษ ขอไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย

วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสมเกียรติ สร้อยสน และ นางกาญจนา สร้อยสน สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม กับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือ หลังพบว่าบ้านของตนกับภรรยาที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่งนำคนบุกเข้ามายึดบ้าน แต่เป็นการยึดผิดหลัง โดยที่บ้านหลังที่ถูกยึด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใดๆ ที่สำคัญ ทรัพย์สินภายในบ้านถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งจนเหี้ยน รูปครอบครัวที่เคยถ่ายไว้เป็นของที่มีมูลค่าทางจิตใจ ก็ถูกนำไปทิ้งด้วย จึงนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาร้องเรียนให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือ

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี แต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่บ้านโล่งๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปไม่เหลือ และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก ก่อนที่เพื่อนบ้านจะเห็นป้ายประกาศขาย จึงติดต่อทางธนาคารไปเพื่อจะขอซื้อ จึงทราบว่าในประกาศเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ทางเพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องนี้กับตนเพื่อถามว่า “จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน รีโนเวต และติดป้ายของธนาคาร” ซึ่งตนตอบไปว่าไม่ได้ขายบ้าน แต่เพื่อนบ้านก็ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้ามาทำการรื้อบ้านจริง พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจมาก จึงรีบเดินทางมาดู ก็พบว่าบ้านไม่เหลืออะไรเลย ข้าวของเครื่องใช้ ต้นไม้ถูกเก็บทิ้งทำลายหมด ประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ด้วยกุญแจของธนาคาร จึงได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว

หลังจากนั้น จึงเดินทางไปแจ้งเรื่องยึดบ้านผิดหลังที่ธนาคาร ทางธนาคารจึงให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาขอโทษ และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคารจริงๆ ที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง โดยทางธนาคารได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงค่าเสียหาย ซึ่งตนกับสามีได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารปฏิเสธ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด โดยทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ และของสะสมต่างๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว

จึงตัดสินใจมาปรึกษาทนายความ เพราะว่าหลังเกิดเหตุการณ์กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ตนกับสามีต้องเป็นคนคอยติดต่อทางธนาคารไปเอง ว่า จะมีการดำเนินการรับผิดชอบอย่างไร ทางธนาคารก็บอกเพียงแต่ว่า กำลังรวบรวมทรัพย์สินที่ทำลายไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร จึงมองว่าไม่มีความกระตือรือร้น หรือใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย ทั้งที่บ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้อง ไม่ได้มีคดีอะไร และไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับทางธนาคารเลย แต่กลับไม่มีความชัดเจน

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม บอกว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่า ทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลักๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม

นี่ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน




กำลังโหลดความคิดเห็น