แพรรี่ ไพรวัลย์ และ ทนายเกิดผล เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาทนายความฯ สอบมรรยาททนายธรรมราช กรณีพูดพาดพิงเพศสภาพ-อาการเจ็บป่วย
วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ พร้อมด้วย นายเกิดผล เเก้วเกิด ทนายความชื่อดังเดินทางมาร้องเรียน นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความกรณี ถูกกล่าวพาดพิงเพศสภาพ เเละกรณีการเจ็บป่วยของนายเกิดผล จากกรณีที่ นายไพรวัลย์ มีประเด็น วิวาทะกับพระชาตรี เหมพันธ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย โดยมี นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ และนายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ สภาทนายความมารับเรื่องดังกล่าว
นายวิเชียร กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากนายไพรวัลย์ และ นายเกิดผล ถึงประเด็นการร้องมรรยาททนายความดังกล่าว ซึ่งสภาทนายความยินดีที่จะรับเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวจ้องกับอำนาจหน้าที่สภาทนายความ เพราะสภาทนายมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกล่าวหา หรือถูกกล่าวหา โดยเราจะพิจารณาโดยยึดหลักของกฎหมาย เรื่องนี้เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตามองอยู่ ยืนยันว่า จะยึดมั่นความถูกต้องบนพื้นฐานของหลักของกฎหมายเป็นสำคัญ สำหรับเรื่องมรรยาทที่มีการร้องเข้ามาในวันนี้แล้วเราจะพิจารณาอย่างไรนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะวันนี้พึ่งได้รับเป็นคดีมรรยาท ตามขั้นตอนจะต้องมีการสอบสวนก่อน เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงและพิจารณาว่าผิดหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วผิดมีขั้นตอนใดมีโทษสถานใด ตรงนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวน และคณะกรรมการมรรยาทจะเป็นผู้พิจารณา
ส่วนเรื่องการลงโทษนั้น หากเมื่อสอบสวนแล้วได้ข้อยุติว่าทนายความคนใดที่ถูกกล่าวหานั้น กระทำผิดว่าด้วยข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยเรื่องมรรยาท ข้อใด จะมีบทลงโทษดังต่อไปนี้ คือ 1. ว่ากล่าวตักเตือน 2. ภาคทัณฑ์ 3. พักใบอนุญาตสูงสุดไม่เกิน 3 ปี 4. ลบชื่อออกจากสารระบบทนายความ ตาม พ.ร.บ.ทนายความปี 2528
สำหรับขั้นตอนหลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว หน้าที่ของตนและกรรมการสภาทนายความ ไม่ได้มีหน้าที่เข้าไปทำการสอบสวนเนื่องจากเป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งต้องแยกออกจากคณะกรรมการมรรยาททนายความ โดยเรื่องนี้ทางฝ่ายบริหารจะส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการมรรยาททนายความจะเป็นผู้ดำเนินการ ตั้งกรรมการสอบสวน ขึ้นมาพิจารณา หลังจากคณะกรรมการสอบสวนมีการพิจารณาแล้วก็จะส่งเรื่องกลับมายังกรรมการมรรยาททนายความ พิจารณาเห็นชอบ ข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าเรื่องดังกล่าวสมควรจะลงโทษหรือไม่ และโทษที่ลงเหมาะสมหรือไม่ เสนอมายังกรรมการบริหารสภาทนายความกลั่นกรองเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นายไพรวัลย์ กล่าวว่า ประเด็นที่มาร้องสภาทนายความในวันนี้มาจากเรื่องที่เป็นวิวาทะในสังคม ซึ่งตนกับพระสงฆ์รูปหนึ่ง ก็นึกว่าจบไปแล้ว ได้มีข้อยุติว่าเลิกแล้วต่อกันและยุติการตอบโต้ แต่ทำไมมีทนายความคนดังกล่าวออกมาให้ความเห็น เเละไปยื่นฟ้องร้องตน รวมถึงการไลฟ์สดพาดพิง ซึ่งแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คนก็เข้าใจได้ว่าเป็นตน ทั่งนี้ มองว่า เป็นการไม่เหมาะสมและเป็นการกระทำผิดมรรยาททนายความ จึงต้องใช้สิทธิมายื่นร้องเรียนในวันนี้ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากเรื่องมรรยาทแล้ว เตรียมจะดำเนินคดีอาญากับทนายความคนนี้ด้วย
นายไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า ที่รับไม่ได้เลยคือการเหยียดเพศสภาพ เพราะไม่ว่าเป็นทนายความหรือบุคคลใดก็ตาม ไม่ควรพูดเหยียดในเรื่องเพศสภาพ เพราะกระทบถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ทุกคนต้องเคารพในเมื่อเราอยู่ร่วมสังคมเดียวกัน ไม่ควรทำให้รู้สึกว่าเหยียดหยามล้อเลียน ทำให้รู้สึกเสื่อมเสียเกียรติ
ด้าน นายเกิดผล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนมีเรื่องแสดงความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ กับทนายความคนดังกล่าว ซึ่งมีความเห็นทางกฎหมายไม่ตรงกัน ถือเป็นเรื่องปกติเเละเป็นเรื่องที่ดี แต่กลับโดนทนายความคนดังกล่าวนำเรื่องสุขภาพจากที่ตนไตเสื่อมระยะสุดท้ายนำมาเกี่ยวข้อง จึงตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนกับสภาทนายความ เพื่อให้พิจารณาว่ากรณีการนำเรื่องความเจ็บป่วยดังกล่าวมาพาดพิง เป็นการกระทำผิดมรรยาทนายความและเหมาะสมหรือไม่