MGR Online - บช.ก. บุกรวบสามีภรรยา ลักลอบจําหน่ายเครื่องสําอางและแบรนด์เนมปลอม เซ็กซ์ทอย ยึดของกลางเพียบ มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท
วันนี้ (15 ก.ย.) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. สนธิกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.1 บก.ปอศ., กก.3 บก.ป. และ กก.4 บก.ปคบ. บูรณาการร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดปฏิบัติการนําหมายค้นของศาล ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทลายแหล่งกักเก็บสินค้าประเภทเครื่องสําอางปลอมเครื่องหมายการค้า และไม่ผ่านการขออนุญาตจาก อย. รวม 9 จุด
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม MR.WEIXIANG XIAO อายุ 40 ปี สัญชาติจีน และ น.ส.สมฤทัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ในความผิดฐาน “มีไว้เพื่อจําหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของ บุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร และประกอบการค้าหรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชนหรือให้เช่าวัตถุหรือ สิ่งของเช่นว่านั้น” พร้อมตรวจยึดของกลาง เครื่องสําอางมีเครื่องหมายการค้าปลอม ยี่ห้อต่างๆ จํานวน 2,739 ชิ้น, อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์ และยา ที่ต้องสงสัยว่าไม่ผ่านการขออนุญาตจาก อย. รวม จํานวน 64,305 ชิ้น และ วัตถุหรือสิ่งลามก (Sex Toy) จํานวน 1,349 ชิ้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตํารวจกองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จาก บริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จํากัด ว่า มีผู้ลักลอบจําหน่ายแป้งพัฟทาหน้า ที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของ บริษัทผู้เสียหาย ผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ จึงได้ทําการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้ลักลอบจําหน่าย สินค้าผิดกฎหมาย มีพฤติกรรมเปิดบัญชีร้านค้าในแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์จํานวนหลายบัญชีไม่ซ้ำกัน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ต่อมา ตํารวจได้รวบรวมพยานหลักฐานนําไปสู่การอนุมัติขอหมายค้น
กระทั่งวันที่ 13 ก.ย. 65 เข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าซุกซ่อนสิ่งของผิดกฎหมาย รวม 9 จุด สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการกระทําผิดและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง รวมจํานวน 68,245 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท นําส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการตรวจยึดรถยนต์ และทรัพย์สินอื่นที่ต้องสงสัยว่าได้มา มีไว้ หรือได้ใช้ในการกระทําความผิดที่เกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจากความผิดดังกล่าวถือเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ฟอกเงิน อีกด้วย
