MGR Online - “สมศักดิ์” มอบ ”ดีเอสไอ” สำรวจคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ช่วยเข้าถึงการคุ้มครองทางกฎหมาย เร่งพิสูจน์ให้ครบ 4 แสนราย ออกบัตรประชาชนแล้ว 21 ราย
วันนี้ (24 พ.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการยุติธรรมสร้างสุขช่วยเหลือคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ว่า จากนโยบาย “ยุติธรรมสร้างสุข” ที่ต้องการอำนวยความยุติธรรม สร้างโอกาสให้ประชาชนที่เป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย ฐานะยากจน อยู่ห่างไกลตามแนวชายแดน และขาดพยานหลักฐานสำคัญในการพิจารณาให้สัญชาติ ตนจึงได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ค้นหาและตรวจสอบคนไร้สัญชาติที่ตกสำรวจ มาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้ครบถ้วน เพราะจากข้อมูลพบว่า กลุ่มบุคคลตกสำรวจ ได้ขอขึ้นทะเบียนไว้กับรัฐบาลไทยถึง 479,943 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากที่ตนได้มอบหมายให้ดีเอสไอ รีบดำเนินการ ทาง นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้รายงานความคืบหน้าว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งลงพื้นที่ในหลายจังหวัด อาทิ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยตรวจพิสูจน์สัญชาติ ไปจำนวน 224 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม DNA ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในอำเภอสบเมย และอำเภอแม่สะเรียง ในเบื้องต้น กระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยผลักดันมอบบัตรประจำตัวประชาชน ให้แก่บุคคลที่ผ่านกระบวนการพิจารณาสัญชาติ ได้แล้วจำนวน 21 ราย
“เรื่องนี้ ผมได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติที่ตกสำรวจ มาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้ครบถ้วนที่สุด เพื่อประชาชนจะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย และสามารถเข้าถึงสิทธิของตัวเองได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งจากตัวเลขคนตกสำรวจ 4 แสนกว่าคน ผมก็อยากให้ดีเอสไอ ทำงานแบบเชิงรุก เพื่อเร่งพิสูจน์สัญชาติให้ได้ครบถ้วนโดยเร็ว เพราะความเดือดร้อนของประชาชนเรารอช้าไม่ได้” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือคนไร้สัญชาติ ขอให้เชื่อมั่น เพราะดีเอสไอได้สร้างโปรแกรมค้นหาข้อมูลส่วนบุคคล (DSI Smart Search) โดยนำข้อมูลจากระบบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จากอัตลักษณ์ ซึ่งสามารถค้นหาถึงเครือญาติได้ จากนั้นจะใช้โปรแกรมวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชื่อมโยง โดยจะใช้เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในการพิสูจน์สัญชาติ ทำให้มีความรวดเร็วในการประมวลผลมากกว่าเดิมถึง 12 เท่า และมีความถูกต้อง 100% ซึ่งการตรวจสอบด้วยบุคคลจะต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่นวัตกรรมของดีเอสไอ จะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น