MGR Online - “อัจฉริยะ” นำหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ 20 ชุด ให้ดีเอสไอพิจารณาเป็นคดีพิเศษ ยันในกล้องวงจรปิดพบเรือ 2 ลำ เกี่ยวข้องกัน ย้ำ “แซน” ให้การเท็จแน่นอน
วันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ เพื่อยื่นเอกสารเพิ่มเติมขอให้รับคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ เป็นคดีพิเศษ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มาให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามนัดหมาย พร้อมนำพยานหลักฐานสำคัญ 20 ชุดที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ และพยานบุคคลจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 13 ปาก เนื่องจากพบว่า มีเรือสปีดโบ๊ต 2 ลำ ในวันเกิดเหตุ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต บริเวณท่าทรายริมแม่น้ำหลังเกิดเหตุ โดยเรืออีก 1 ลำ น่าจะถูกนำไปขายทอดตลาดไปแล้ว แต่อาจยังอยู่ในประเทศ และตำรวจน่าจะทราบข้อมูลดังกล่าว ซึ่ง “กระติก” อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการของแตงโม และ นางภนิดา แม่แตงโม ก็เคยพูดว่า มีเรือ 2 ลำ เชื่อว่า เรืออีกลำที่คล้ายรุ่นเดียวกันกับลำก่อเหตุนั้นยังอยู่
“รวมถึงลักษณะบาดแผลขาขวาด้านในของแตงโมเกิดจากของมีคม ไม่ใช่ใบพัดเรือแน่นอน และในมือข้างเดียวกำทรายคล้ายกับทรายตรงท่าทรายตามกล้องวงจรปิดดังกล่าว มีโคลนในปอดแตงโม ทำให้เชื่อว่าศพลอยมาก่อน ไม่ใช่จุดที่ตกเรือ เพราะจุดนั้นมีแต่ทราย ไม่มีโคลน และผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการที่โคลนอยู่ในปอด แสดงว่า ไม่ได้เสียชีวิตในน้ำลึก แต่จุดพบศพเป็นน้ำลึก ซึ่งมีพยานชี้ชัดว่าจุดตกอยู่คนละฝั่ง”
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตำรวจได้สอบถามกรณีแตงโมมีประวัติรักษาโรคซึมเศร้าหรือไม่ ซึ่งพบว่า มีสารยานอนหลับในร่างกายแตงโมชนิดเดียวกับคนบนเรือ หากแพทย์ไม่ได้จ่ายยาให้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับประเด็นฆาตกรรมโดยการใส่ยา แต่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าอาจเป็นเหตุเฉพาะหน้า ตนเชื่อว่ านายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน ที่อยู่บนเรือด้วยจะต้องให้การเท็จอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรับเป็นคดีพิเศษก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอ เว้นแต่เกรงใจตำรวจ ถ้าตรงไปตรงมาต้องรับแน่นอน และคดีจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่จะไม่เกี่ยวกับคดีที่ จ.นนทบุรี
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า เบื้องต้นจะรวบรวมพยานหลักฐานที่ยื่นมาเพิ่มเติมและการให้ถ้อยคำของ นายอัจฉริยะ มาประกอบในสำนวน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาสอบปากคำและนำหลักฐานอื่นที่รับมาประกอบการพิจารณาทั้งหมด เพื่อเสนอให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาและเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาตามที่กฎหมาย แต่ตอบไม่ได้ว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“ส่วนหลักฐานที่ยื่นในวันนี้ ก็จะรวมอยู่ในสำนวนเดียวกับที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล มายื่นก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งการสอบสวนดีเอสไอก็รับฟังข้อเท็จจริงทุกประเด็นทั้งประเด็นที่ต้องสอบถามพนักงานสอบสวน และประเด็นข้อสงสัยที่ร้องเข้ามาทั้งหมด ตอนนี้เราได้ทำตารางสอบสวนแยกไว้ว่าข้อเท็จจริงที่ได้รับแจ้งมาเป็นอย่างไร ข้อมูลจากผู้รัองมีประเด็นที่ยังสงสัยต้องไปดูข้อมูลเพิ่มเติม” รองโฆษกดีเอสไอ กล่าว
พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า หลังมีการสืบสวนคดีดังกล่าว ดีเอสไอจะแยกประเด็นการสืบสวนสอบสวนออกจากของตำรวจ ส่วนข้อมูลที่ได้จะตรงกันหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดได้ ยืนยันว่า ดีเอสไอกำลังดำเนินการ แต่จะทันการประชุมของคณะกรรมการในช่วง 2-3 เดือนที่จะถึงนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากระหว่างที่กำลังสืบสวนอยู่แล้วอัยการตัดสินใจส่งฟ้องคดีดังกล่าวขึ้นไปยังชั้นศาล ดีเอสไอก็จะพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้งว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษ หรือเข้าไปสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมได้หรือไม่