MGR Online - “บิ๊กหิน” จัดสัมมนาบูรณาการการข่าว ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติ และเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ดึงกูรูด้านสืบสวนติวเข้ม รับมือเปิดประเทศ
วันนี้ (3 พ.ค.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปชก.ตร. เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในมิติการสกัดกั้น ปราบปราม คนร้ายข้ามชาติ และหลบหนีเข้าเมืองในประเทศไทย จึงได้จัดสัมมนา โดยระดมนักสืบมือดีจากส่วนกลาง ทั้ง สันติบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยพื้นที่ จากตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อระดมความคิด แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ในเวที “สัมมนาบูรณาการการข่าว ศปชก.ตร.” เมื่อวันที่ 2- 3 พ.ค. 2565 ที่ จ.ภูเก็ต กว่า 30 นาย โดยมีกูรูสืบสวนมือดีด้านอาชญากรรมข้ามชาติมาเป็นวิทยากร อาทิ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 และมี พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส. ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรอง เป็นผู้ควบคุม Moderator ทั้งหมดโดยภาพรวม
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ประเทศไทยมีสถานะเป็นประเทศที่มีภูมิยุทธศาสตร์กึ่งกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องรองรับการเคลื่อนย้ายของคนต่างชาติทั่วโลก ในฐานะประเทศศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคด้วย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนไหวและเป็นแหล่งพำนักของอาชญากรรมข้ามชาติลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่โต้ตอบกันระหว่างกลุ่มประเทศคู่ขัดแย้ง รวมถึงการใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ก่ออาชญากรรมเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเหยื่อในประเทศอื่น เช่น กลุ่ม Cyber crimes เป็นต้น
ซึ่งก่อนเปิดสัมมนา พล.ต.อ.วิสนุ แถลงผลการจับกุมทลายเครือข่ายคนร้ายข้ามชาติสำคัญ 5 ราย ได้แก่ คดีจับคนร้ายยูเครนหลีกเลี่ยงชำระภาษีจ้างงานกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการประสานงานร่วมกับ Homeland Security Investigations ของสหรัฐฯ คดีแก๊งสแกมเมอร์ผิวสีหลอกขายสินค้าบนเว็บไซต์และลวงหญิงไทยเป็นม้าเปิดบัญชีซ้อมปางตาย คดีแก๊งเงินดำหลอกผู้เสียหายสูญ 20 ล้าน คดีรวบแก๊งปาร์ตี้เสพเคตามีนพัทยา และ คดีรวบนักพนันรัสเซียเปิดคอนโดหรูเล่นพนันออนไลน์ อีกด้วย
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ คือ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องทราบถึงบริบททางสังคมระหว่างประเทศโดยภาพรวมด้วย รวมถึงปัญหาในการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ดังนั้น ในการสัมมนาครั้งนี้ จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัตินำปัญหามาถกแถลงกันอย่างตรงไปตรงมา และ ร่วมกันนำเสนอแนวทางแก้ไข โดยตนได้ร่วมวงการสัมมนาด้วยอย่างใกล้ชิดโดยข้อเสนอต่างๆ มีทั้งในส่วนแนวทางที่สามารถกลับไปลงมือปฏิบัติได้ทันที และ ปัญหาที่ต้องอาศัยการสั่งการจากระดับนโยบาย ซึ่งประเด็นนี้ ตนจะรับกลับไปนำเสนอต่อ ผบ.ตร.เพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการแก้ไขด้านระเบียบ ข้อกฎหมาย และ การปรับปรุงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากส่วนกลาง รวมถึงการประสานข้อมูลข่าวสาร และความร่วมมือระหว่างประเทศต่อไป จากการฟังผลการสัมมนาครั้งนี้ จึงนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการรับมือกับการเปิดประเทศ และ เตรียมรองรับการเป็นเจ้าภาพประชุมผู้นำประเทศในกลุ่มเอเปกในช่วงปลายปีต่อไป