MGR Online - แจ้ง 4 ข้อหาหนัก ศิษย์คนสนิท“สมเด็จพระวันรัต” โกง 190 ล้านบาท สุดแสบแอบลงแอปฯ ธนาคารดูดเงินวัดเข้าบัญชีตัวเอง
วันนี้ (3 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชุดสืบสวนได้จับกุมตัวศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัต โกงเงินวัดบวรฯ ไว้ได้แล้วนั้น โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างกับชุดสืบสวนว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สมเด็จพระวันรัต มอบให้ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว ไม่ได้ฉ้อโกงมาแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ทางวัดมอบให้กับตำรวจนั้น ชัดเจนว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เพราะเป็นเงินที่ถูกโอนจากบัญชีวัดมาเข้าบัญชีส่วนตัวของผู้ต้องหา ในเบื้องต้นจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้รวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และ ฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนกองปราบกำลังสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับทรัพย์ของผู้ต้องหาร่วมกับ ปปง. เพื่อนำทรัพย์สินมาคืนวัด
มีรายงานจากชุดสืบสวนคดีนี้ ว่า คดีนี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงิน จากนั้นได้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ แล้วนำไปแสดงต่อพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีงินฝากของวัดชิรธรรมาราม จ.อยุธยา
ต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม ผู้ต้องหายังคงใช้อุบายหลอกลวงให้สมเด็จพระวันรัต ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินแล้วนำมาเขียนจำนวนเงินตามที่ตนเองต้องการ อีกเช่นเคย แต่ในครั้งนี้ได้มอบหมายให้ผู้ใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำใบถอนเงินฉบับดังกล่าวไปแสดงต่อพนักงานธนาคาร เพื่อถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของวัดวชิรธรรมาราม แล้วให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายทำธุรกรรมซื้อแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่ายให้แก่ผู้ต้องหา ก่อนที่ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง
ต่อมา วัดวชิรธรรมาราม ได้ตรวจพบการทุจริต จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังจากที่เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ทางวัดบวรนิเวศวิหาร เชื่อว่า ผู้ต้องหาน่าจะทุจริตเอาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดของวัดบวรนิเวศวิหาร ไปด้วย พระธรรมวชิรญาณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร-สมุทรปราการ (ธรรมยุต) จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ด้วย
จากการตรวจสอบของ พระธรรมวชิรญาณ พบว่า สมเด็จพระวันรัต ได้เปิดบัญชีเงินฝากส่วนตัว และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร ไว้กับธนาคารจำนวนหลายบัญชี ซึ่งเมื่อประมาณปลายเดือนตุลาคม 64 ผู้ต้องหา ได้นำสมุดบัญชีเงินฝากจำนวนหลายเล่ม และบัตรประจำตัวประชาชนของสมเด็จพระวันรัต พร้อมโทรศัพท์มือถือของตนเอง มามอบให้บุคคลใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตอีกคนหนึ่ง แล้วสั่งการให้บุคคลดังกล่าวนำไปติดต่อกับพนักงานธนาคาร เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเครื่องโทรศัพท์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้น ผู้ต้องหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองทำธุรกรรมโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวรนิเวศวิหาร มายังบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเหตุให้วัดวชิรธรรมาราม ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ และวัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 110 ล้านบาทเศษ รวมความเสียหายของทั้งสองวัด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 190 ล้านบาทเศษ โดยวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา