MGR Online - เผย “ฉุย รักจันทร์” พร้อมสมุนทนแรงกดดันไม่ไหว หนีลงเขา ขับรถมาเช่าแมนชั่นกบดานเมืองกรุง ด้านเจ้าตัวยังปากแข็ง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ และ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 และ กก.6 บก.ป. กว่า 30 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือ เข้าตรวจค้นเซ็นทรัลแมนชั่น ตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. หลังสืบทราบว่า นายจำรัส หรือ ฉุย รักจันทร์ อายุ 45 ปี และ นายอัฐพล หรือ รวย ใหม่อ่อน อายุ 21 ปี 2 ผู้ต้องหาในคดียิงเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบเสียชีวิตหลบหนี ได้มาเปิดเช่าพักชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่กบดาน
โดยทันทีที่ไปถึง เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมทางเข้าออก ก่อนเคลื่อนกำลังเข้าประชิดหน้าห้องพัก จากนั้นได้ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูแล้วโยนสตั๊นบอมบ์ หรือ ระเบิดควัน เข้าไป เพื่อเปิดทางจนสามารถเข้าจับกุมตัว นายจำรัส และ นายอัฐพล ได้โดยละม่อม นอกจากนี้ ยังควบคุมตัว น.ส.น้ำ (นามสมมติ) แฟนสาวของ นายจำรัส ที่อยู่ด้วยกันภายในห้องมาทำการสอบปากคำที่ กองปราบปราม
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ กองปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงผลปฏิบัติการดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ควบคุมสั่งการด้วยตนเอง โดยสนธิกำลังจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 9 เร่งติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นบุคคลอันตรายต่อประชาชน มีประวัติโชกโชน มีส่วนเกี่ยวโยงทั้งคดีพยายามฆ่า และคดียาเสพติด โดยหลังก่อเหตุเมื่อวันที่ 9 มีนาคม นายจำรัส ได้หลบหนีการจับกุมมาตลอด โดยหลบหนีตามป่ายางในพื้นที่ จ.พัทลุง และได้หนีมากบดานในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งตนเชื่อว่า มีการวางแผนหลบหนีมาอย่างดี เพราะมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการหลบหนี เมื่อถูกกดดันในพื้นที่ จ.พัทลุง จึงย้ายมากบดานในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยอาจเป็นการเตรียมการหลบหนีไปต่างประเทศ จนกระทั่งวันนี้ (25 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายจำรัส, นายอัฐพล ได้ดังกล่าว พร้อมทั้งยังได้ควบคุมตัว น.ส.น้ำ (สงวนชื่อ-นามสกุล) แฟนสาวของนายจำรัส มาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีกราย
พล.ต.ท.จิรภพ เผยอีกว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์พอที่จะเอาผิดได้ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จากการตรวจค้นยังไม่พบอาวุธปืนดังกล่าว หลังจากนี้ จะนำตัวส่งตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และทำการขยายผลถึงอาวุธปืน และผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ โดยขณะนี้มีข้อมูลมากพอสมควร แล้วหากมีพยานหลักฐานปรากฏ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ให้ความช่วยเหลือตามกฎหมาย รวมถึงจะทำการสอบสวน น.ส.น้ำ ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิดหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.น้ำ ไม่ใช่บุคคลที่มีหมายจับแต่อย่างใด
พล.ต.ท.จิรภพ เผยอีกว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ได้กำชับให้กองบังคับการปราบปราม, ตำรวจภูธรภาค 8 และ ภาค 9 ทำการปราบปรามผู้มีอิทธิพล, มือปืน และผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่สีแดง ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ สามารถร้องเรียนมายังกองบังคับการปราบปรามได้
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการแกะรอย นายจำรัส และ นายอัฐพล พบว่า หลังจากถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่อย่างหนัก ก็ได้ตัดสินใจหลบหนีออกจากพื้นที่เมื่อวันที่ 22 มี.ค. โดยรถยนต์ส่วนตัวเข้ามายังพื้นที่ กทม. ก่อนจะเปลี่ยนมานั่งรถแท็กซี่ เพื่อเดินทางมาเช่าห้องพักในพื้นที่ย่านรามคำแหง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความคุ้นชิน เพราะเคยใช้เป็นที่กบดานสมัยก่อคดีในอดีต รวมถึงบริเวณดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ที่มีคนใต้พักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ยากต่อการจับสังเกต กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนทำบันทึกจับกุม ทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือ หนุมานกองปราบ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. จะทำการควบคุมตัวนายจำรัส หรือ ฉุย รักจันทร์ อายุ 45 ปี และ นายอัฐพล หรือ รวย ใหม่อ่อน อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปส่งต่อให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่รับผิดชอบในส่วนของสำนวนคดีดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะมีการส่งตัวในช่วงค่ำของวันนี้