ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พา ด.ญ. อายุ 14 ปี แจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน หลังถูกพ่อเพื่อนเมายาเสพติดล่วงละเมิดทางเพศ-ใช้ปืนข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใคร
วันนี้ (17 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.บางเขน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา ด.ญ. อายุ 14 ปี ผู้เสียหายพร้อมผู้ปกครองเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางเขน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ นายเอ (สงวนชื่อ-นามสกุล) ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อน ได้เสพยาเสพติด และทำการล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงใช้อาวุธข่มขู่เพื่อไม่ให้นำเรื่องไปบอกใคร
นายเอกภพ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันปิดภาคเรียน ด.ญ.ผู้เสียหายและกลุ่มเพื่อนประมาณ 5-6 คน ได้นัดกันทานข้าวที่บ้านของเพื่อนชายในชุมชนซอยพหลโยธิน 52 แยก 42 โดย นายเอ ซึ่งเป็นพ่อของเพื่อนชายได้ร่วมทานอาหารและมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงมีการเสพสารเสพติด จากนั้นกลุ่มเพื่อนของ ด.ญ.ผู้เสียหายได้เดินทางกลับ ส่วนเพื่อนชายไปต่างจังหวัดกับญาติ โดยฝากให้นายเอไปส่ง ด.ญ.ผู้เสียหายที่บ้านในซอยเพิ่มสิน 24/1 แต่นายเอกลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่า ดื่มสุราจนเมามาย และให้ ด.ญ.ผู้เสียหายนอนพักที่ชั้นล่างของบ้าน ส่วนนายเอจะขึ้นไปนอนพักกับภรรยาที่ชั้นบน กระทั่งช่วงเช้ามืด นายเอได้ลงมาจับหน้าอกลวนลาม ด.ญ.ผู้เสียหายและพยายามข่มขืน เมื่อ ด.ญ.ผู้เสียหายพยายามหนีและร้องให้คนช่วย นายเอ ได้ทำทีจะตบ จน ด.ญ.ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าขัดขืน
นายเอกภพ เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุ ด.ญ.ผู้เสียหาย ได้เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพื่อนสนิทจึงพาเข้าแจ้งความ และได้ลงบันทึกประจำวันไว้เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลภูมิพลฯ เบื้องต้นแพทย์พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนผลนิติเวชอย่างเป็นทางการต้องรอประมาณ 3 สัปดาห์ เมื่อนายเอทราบเรื่อง ก็พาลูกชายมาข่มขู่เพื่อนของ ด.ญ.ผู้เสียหายโดยตัวลูกชายได้ใช้หมวกกันน็อกตีเข้าที่ศีรษะเพื่อน ส่วนนายเอได้เปิดเสื้อโชว์อาวุธปืนที่พกพามา เพื่อนสนิทคนดังกล่าวกลัวจึงไม่กล้ามาเป็นพยาน รวมถึงครอบครัวของ ด.ญ.ผู้เสียหายก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนกับทางเพจสายไหมต้องรอด
นายเอ ได้เปิดเผยผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ยืนยันว่า ไม่ได้ลวนลามหน้าอก หรือล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด ตนเพียงลงมาปลุกเพื่อให้กลับบ้านเท่านั้น และไม่ได้มีการพกปืนไปข่มขู่ แต่ยอมรับว่าลูกชายตนใช้หมวกกันน็อกตีศีรษะเพื่อน ด.ญ.ดังกล่าวจริง แต่เป็นเพราะมีปากเสียงเรื่องด่าบุพการีกัน ไม่ใช่การข่มขู่ ส่วนเรื่องยาเสพติด ยอมรับว่า มีการเสพกัญชากับดื่มสุรา แต่กลุ่มของ ด.ญ.ผู้เสียหาย ก็มีการเสพยาเคตามีนเช่นกัน
ด้าน พ.ต.ท.สราวุธ เปิดเผยว่า ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ ซึ่งคาดว่าเข้าข่ายข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนข้อหาพรากผู้เยาว์ และพาบุคคลอื่นไปเพื่อการอนาจาร อยู่ระหว่างการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ส่วนพยานหลักฐานแต่ละฝ่ายที่ไม่ตรงกัน ก็จะรวบรวมและนำมาพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ยืนยันว่าสามารถตรวจหาสารคัดหลั่งย้อนหลัง รวมถึงตรวจสอบหาการกระทำชำเราได้