MGR Online - “หมอปลา” พาเมีย รอง ผกก.โร่แจ้งกองปราบ ตรวจสอบดำเนินคดีแก๊งต้มตุ๋น อ้างสนิทสายวัง-บิ๊กสีกากี หลอกโอนเงิน 5.75 ล้าน ค่าวิ่งเต้นขึ้นเป็นผู้กำกับ
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมด้วย นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ, นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิตะ พานายภาณุมาศ จิตวศินกุล หรือ เฮียเปี๊ยก นักธุรกิจ และ น.ส.เอ (สงวนชื่อ-นามสกุล) ผู้เสียหาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เพื่อให้ตรวจสอบกลุ่มเครือข่ายหลอกวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ ซึ่งอ้างว่ารู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงบุคคลที่มีตำแหน่งในสังคม โดยมี พ.ต.อ.เทวินทร์ ขุนแก้ว ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เป็นตัวแทนรับเรื่อง
น.ส.เอ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ รู้จักกับ เจ๊ น.จากการไปร่วมทำบุญด้วยกันหลายครั้ง ต่อมาเมื่อ เจ๊ น.ทราบว่า สามีของตนรับราชการตำรวจ จึงพยายามเข้ามาทำทีตีสนิทมากขึ้น ก่อนขอให้ทางครอบครัวของตนช่วยทำบุญกฐิน เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท ตนเห็นว่า เป็นการทำบุญจึงโอนเงินให้ไป กระทั่งผ่านไปไม่นานนัก เจ๊ น. ก็เริ่มออกอุบายนัดสามีของตนมาที่ร้านอาหารส้มตำเจ๊ ญ.และได้พบกับ เจ๊ ญ. และ “หม่อมแฟงค์” โดย เจ๊ น.ได้แนะนำว่า ทั้งสองคนรู้จักนักการเมือง และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอ้างด้วยว่า หม่อมแฟงค์ สนิทกับสายวัง สามารถช่วยเหลือให้สามีของตนเลื่อนตำแหน่งจากรองผู้กำกับ เป็นผู้กำกับการได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการ สามีและตนเอง จึงไปกู้ยืมเพื่อนฝูงแล้วโอนเงินให้กับทั้ง 3 คน หลายครั้งเป็น จำนวน 5,750,000 บาท
น.ส.เอ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา กลับปรากฏว่า ไม่ได้รับการแต่งตั้งตามที่กล่าวอ้าง จึงขอเงินคืน แต่ก็ถูกปฏิเสธ โดยทางเจ๊ น.กับหม่อมแฟงค์ อ้างว่า เงินได้ให้เจ๊ ญ.ไปแล้ว ตนจึงทวงถามไปที่ทางเจ๊ ญ. ก่อนจะมีการคืนเงินให้มาเพียงบางส่วน ก่อนจะเริ่มบ่ายเบี่ยง จึงเชื่อว่า ถูกหลอกและมีการทำกันเป็นขบวนการ รวมถึงยังเชื่อว่า นอกจากสามีตนแล้ว น่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกันอีกหลายราย ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบกับครอบครัวของตนเองเป็นอย่างมาก ต้องกลายเป็นหนี้เป็นสิน
ด้าน นายกฤษฎา เปิดเผยว่า ลักษณะของขบวนการนี้ คือ มีการตีสนิทเข้ามาชักชวนให้ทำบุญงานกฐิน ซึ่งหนึ่งในขบวนการมีบุคคลที่มีบรรดาศักดิ์เป็นหม่อมหลวง โดยขบวนการมักจะนัดหมายเหยื่อให้มาที่ร้านอาหารของขบวนการ และจะโน้มน้าวชักจูงเหยื่อโดยการอ้างว่ารู้จักกับคนมีชื่อเสียงในสังคม เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ และโอนเงินให้ ซึ่งครั้งแรกนั้นเหยื่อโอนเงินไปจำนวน 3,000,000 บาท จากนั้นทางขบวนการจะอ้างว่ามีผู้ที่ต้องการตำแหน่งหลายคน เพื่อให้เหยื่อจ่ายเงินเพิ่ม นอกจากนี้ ยังพบว่า ทางขบวนการดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงถึงโควตาลอตเตอรี่อีกด้วย
ส่วน นายภาณุมาศ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายรายอื่นๆ มีตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับรองสารวัตร ไปจนถึงรองผู้กำกับ รวมถึงข้าราชการครูถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน โดยข้าราชการครูส่วนใหญ่มักถูกหลอกลวงว่าจะได้รับมอบรางวัล รวมถึงได้ลงหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายที่ร้องเรียนมายังตนประมาณ 8 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท
ขณะที่ นายไพศาล เปิดเผยว่า ขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กัน อ้างว่า มีการแจกรางวัลให้กับบุคคลต่างๆ จากนี้จะทำการขยายผลเพิ่มเติม จึงอยากฝากไปนังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ทำการตรวจสอบ ว่า มีขบวนการดังกล่าว รวมถึงมีบุคคลสำคัญต่างๆ ที่มีส่วนรู้เห็นตามคำกล่าวอ้างจริงหรือไม่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ และทำการสอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนเตรียมประมวลเรื่องส่งให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป