MGR Online - เหยื่อแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้องกองปราบหลัง ถูกบุกอุ้มทำร้ายร่างกายทวงหนี้ 37 ล้าน เผยจ่ายแล้ว 57 ล้าน แต่ยังตามคุกคามไม่เลิก
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. ทนายรัชพล ศิริสาคร พา น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย เข้าพบ พ.ต.ต.ปราโมทย์ ศุขศรีไพศาล สว.สอบสวน กก.1.บก.ป.เพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ตำรวจกองปราบคุ้มครองหลังถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบอุ้มไปกักขังและทำร้ายร่างกาย
น.ส.เอ๋ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้ไปกู้ยืมเงินนายทุนเงินกู้รายหนึ่งมาจำนวน 37 ล้านบาท โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยคิดเป็นเงินร้อยละ 2.5 ต่อวัน ซึ่งเงินดังกล่าวตนกู้มาเพื่อนำมาลงทุนปล่อยกู้ต่ออีกทอดหนึ่ง ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อวัน ต่อมาธุรกิจเงินกู้ของตนประสบปัญหา เนื่องจากถูกลูกหนี้เบี้ยวเงิน จึงขาดสภาพคล่องไม่สามารถหาเงินมาส่งคืนได้ทัน จึงขอเจรจาผัดผ่อน ก่อนนำที่ดิน รถยนต์ รวมถึงเงินสดมาจำนวนหนึ่งรวมมูลค่ากว่า 57 ล้านบาท มาจ่ายคืน
น.ส.เอ๋ กล่าวต่อว่า แม้จะจ่ายคืนไปจำนวน 57 ล้านบาทแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ อ้างว่า ต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่ายอดดังกล่าว จึงไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้นายทุนสั่งให้ลูกน้องเป็นหญิง 6 คน ชาย 2 คน บุกมาทำร้ายร่างกายถึงบ้านพักที่ จ.อุดรธานี ก่อนจะลากขึ้นรถแล้วนำไปคุมขังที่ จ.ขอนแก่น เพื่อข่มขู่ให้หาเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายให้ครบ ซึ่งระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่นั้น ตนได้แอบส่งพิกัดให้กับบุคคลในครอบครัวทราบ จนมีการนำเรื่องเข้าแจ้งความ กระทั่งสามารถเข้าให้การข่วยเหลือได้สำเร็จ
“หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีกับนายทุนคนดังกล่าว แต่ก็ยังคงกังวลใจเรื่องความปลอดภัย เพราะเกรงว่าแก๊งเงินกู้จะตามมาเอาคืนจึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากทางตำรวจกองปราบอีกทางหนึ่ง” น.ส.เอ๋ กล่าว
ด้าน ทนายรัชพล กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นฯ และข้อหาทำร้ายร่างกาย แก่แก๊งเงินกู้ ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า แก๊งเงินกู้เหล่านี้ ปล่อยเงินกู้เป็นหลักพันล้านบาท คาดว่า น่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ และอาจมีความเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงินหรือไม่ จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากหากเป็นขบวนการแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ ผู้เสียหายคนนี้ก็ถือว่าเป็นพยานคนสำคัญในคดี
เบื้องต้น พ.ต.ต.ปราโมทย์ ได้สอบปากคำพร้อมกับส่งเรื่องต่อให้กับทาง กก.3.บก.ป.เป็นพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป
