รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 10 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ วิกฤตหมูแพง ลากยาว เดือดร้อนลามคนถึงเจ้า
ทั้งที่มีหมูตายมากมายผิดปกตินับสิบล้านตัว จนราคาเนื้อหมูพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
และทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ไม่ว่าจะลาว เขมร เวียดนาม เมียนมาร์ รวมถึงจีน ต่างคอนเฟิร์มกันหมดแล้วว่า ประเทศพวกเขาเผชิญกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู หรือ ASF
แต่รัฐบาลไทยยังอ้างว่าเมืองไทยปลอดโรค ASF พูดราวกับว่าบ้านเราเก่งอยู่คนเดียว
เอาแต่ยืนกระต่ายขาเดียวว่า หมูที่ตายๆ ไปเหล่านั้น ล้วนเกิดจากโรคระบาดอื่น ที่สำแดงอาการใกล้เคียงกัน
ขณะที่ประชาชนได้กลิ่นทะแม่งๆ ของการปิดข่าว โดยล่าสุด ก็มีเอกสารหลักฐานที่เชื่อถือได้ออกมาตีแสกหน้ารัฐบาล
เป็นรายงานผลตรวจซากหมูตาย โดยคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ระบุพบเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู ตั้งแต่เมื่อปี 2564 แล้วส่งให้กรมปศุสัตว์พิจารณาดำเนินการ เพื่อสกัดกั้นโรค
พอหนังสือหลักฐานโผล่ กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักฐาน แทนที่จะยอมรับ กลับอ้างว่าแล็บไหนๆ ก็ไม่สำคัญ ต้องแล็บของกรมปศุสัตว์เท่านั้น เป็นงั้นไป
เหมือนกรณีไข้หวัดนก เมื่อปี 2546-2547 ไม่ได้ถูกนำมาศึกษาเป็นบทเรียน มิหนำซ้ำ รัฐบาลบิ๊กตู่ กำลังเดิมตามรอยหายนะครั้งนั้นไม่ผิดเพี้ยน
ไข้หวัดนก เป็นเรื่องรัฐบาลสั่งปิดข่าว เพื่อปกป้องภาพรวมของธุรกิจเนื้อไก่ ไม่ให้เสียหาย โดยมีกรมปศุสัตว์ เป็นกระบอกเสียง ออกข่าวเท็จ
แต่ความจริงก็คือความจริง ในที่สุดรัฐบาลทักษิณก็สุดฝืนต่อไปได้ ออกมายอมรับว่ามีไข้หวัดนกระบาดจริง แล้วก็จัดอีเวนต์ นายทักษิณ ชินวัตร มานั่งกินไก่โชว์สื่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงอยากกินหมูโชว์บ้างกระมัง เพราะลีลาการแก้ปัญหา “อหิวาต์หมู” ช่างคล้าย “ไข้หวัดนก” ราวกับลอกการบ้านกันมา
ปัจจุบัน ราคาเนื้อหมูพุ่งขึ้นมาหายใจรดต้นคอเนื้อวัวแล้ว ผลจากหมูตายไป 50-70% เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูที่เคยมีถึง 150,000 ราย ก็ล้มละลายไปเหลือแค่ 80,000 ราย
จากการสอบถามเขียงหมูในกทม. ยืนยันกับทีมงาน “ถอนหมุดข่าว” ว่า นาทีนี้ ต่อให้มีเงิน ก็หาซื้อเนื้อหมูมาขายให้เพียงพอไม่ได้ จากเคยขายเนื้อหมูวันละ 3 ตัว ก็เหลือแค่วันละตัว
“ราคาหมูจะแพงไปอีกหลายเดือน เพราะรอบการเลี้ยงหมูอยู่ที่ 8-9 เดือน ถึงจะชำแหละขาย” พ่อค้าแม่ค้าเขียงหมูให้ความเห็น
ทั้งนี้ ราคาเนื้อหมูขยับขึ้นสูง ตั้งแต่เทศกาลกินเจ เมื่อเดือน ต.ค. 2564 แล้ว ทั้งที่ปกติ ช่วงกินเจ มีแต่ผักที่ราคาแพง จากนั้นราคาเนื้อหมูก็ขยับสูงขึ้นมาตามลำดับ
ร้านข้าวแกงพากันปรับตัวหนีตาย เลิกปรุงอาหารที่ทำจากเนื้อหมู แม้แต่ร้านชาบู ก็พลิกแพลง ด้วยการเสิร์ฟหมูสไลด์สุดบางเฉียบ จนโลกโซเชียลถ่ายภาพเอามาล้อเลียนกันสนุกปากว่า “บาปยังหนากว่า”
เทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่ใกล้จะมาถึง จะต้องเป็นการไหว้เจ้าที่มีค่าใช้จ่ายแพงเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน วิญญาณบรรพบุรุษอาจได้รับผลกระทบไปด้วย หากลูกหลานเปลี่ยนจากหมูไปใช้อย่างอื่นไหว้เจ้าแทน
อย่าว่าแต่เนื้อหมูเลย แม้แต่ขี้หมูเหม็นๆ ก็กลายเป็นของหายาก กลุ่มเกษตรอินทรีย์ก็เดือดร้อน หาขี้หมูมาทำปุ๋ยไม่ได้
หมูแพงก็แย่กันถ้วนหน้า วันนี้ไข่ไก่หน้าฟาร์มขึ้นราคาฟองละ 20 สตางค์ หรือแผงละ6 บาท ฟาดมาอีกดอก เหมือนคนไทยยุคนี้เจอโรคซ้ำกรรมซัดไม่หยุดหย่อน
เดือดร้อนกันขนาดนี้ พิรุธก็มากขนาดนี้ ประชาชนและสื่อไม่มีทางเลิกขุดแน่ ไปๆมาๆ รัฐบาลบิ๊กตู่นั่นแหละ อาจโดนหมูกัดตาย ในท้ายที่สุด
