“ทนายตั้ม” โพสต์เฟซบุ๊กระบุศาลตลิ่งชันพิพากษาจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 1 ปี 6 เดือน ปรับ 7.5 หมื่นบาท ให้รอลงอาญา 2 ปี กรณีกล่าวหาวิ่งเต้นอัยการ
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ความว่า วันนี้เป็นหนึ่งวันที่ผมดีใจมากครับ ขอบคุณศาลอาญาตลิ่งชันที่พิพากษาอย่างเป็นธรรม ตัดสินคดีที่นายอัจฉริยะ (นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม) ใส่ร้ายผมประเด็นวิ่งเต้นอัยการ ให้สังคมเข้าใจผิด ได้รับความเสียหายมาตลอดต่อเนื่องหลายปี วันนี้ผมพ้นมลทินแล้ว
ศาลตัดสินว่านายอัจฉริยะ มีความผิดจริง จำคุก 2 ปีปรับ 100,000 บาท จำเลยเบิกความเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 75,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี #ถ้าคิดว่าจบแค่นี้ก็โลกสวยไปหน่อย #รอลงอาญาวันนี้ปีหน้าอาจรอนอนคุก #สุขสันต์วันปีใหม่ครับพี่ชาย
สำหรับรายละเอียดคดีนั้น วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลอาญาตลิ่งชัน มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ 819/2563 ที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โจทก์ ยื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จำเลย ความผิดฐานโดยการโฆษณา
พฤติการณ์กระทำผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2562 จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หน้ากองปราบปราม เกี่ยวกับกรณีที๋โจทก์พาผู้เสียหาย ไปแจ้งความที่กองปราบเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 เรื่องที่จะดำเนินคดีตำรวจนายหนึ่งและจำเลย โดยการให้สัมภาษณ์ของจำเลยต่อสื่อมวลชนดังกล่าวทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าโจทก์ซึ่งเป็นทนายความ นำเอกสารที่ได้มาโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมายมาใช้แจ้งความดำเนินคดีกับจำเลย และโจทก์ฟอกตัวเองให้ขาวโดยใช้สถานที่ราชการ
โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 2 ปี และปรับ 100,000 บาท คำเบิกความจำเลยชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่พิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 75,000 บาท ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วได้ความว่าโจทก์และจำเลยต่างฝ่ายต่างเคยแสดงความคิดเห็นถึงอีกฝ่ายหนึ่งผ่านสื่อมวลชนมาแล้ว จึงไม่สมควร มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 332(2) ให้ยกคำขอในส่วนนี้ของโจทก์เสีย
ส่วนคำขอของโจทก์ที่ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นด้วยนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่าบางคดีศาลให้รอการกำหนดโทษไว้ และบางคดีศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา ทั้งนี้ เมื่อศาลรอการลงโทษจำเลยคดีนี้จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ของโจทก์